ข่าวที่ต้าไม่ได้ตายแล้วกลับมาที่แก๊งอย่าปลอดภัยนั้นดังกระฉ่อนไปทั่ว ดังไม่พอพวกผู้หญิงในแก๊งมารุมตอมมันอย่างกับเป็นแมงหวี่แมงวัน นี่พวกหลอน ไอ้ต้าไม่ใช่กองขี้นะครับ! (อิจฉาเขาอะดิ-เนส)
"สรุปว่าพี่ต้ายังไม่ตายจริงๆใช่ไหมคะ"ยัยเนสถามเสียงเบาหวิวในมือถือยาดมเอาไว้ พอเธอเห็นไอ้ต้าพยักหน้าก็ร้องไห้โฮทันที
"อ่าวเฮ้ย! น้องมึงเป็นอะไรไปวะไอ้เต๋า"ต้าถามผมใบหน้าเหยเก
"Sensitive น้องกูมันไวต่อความรู้สึก เห็นแจ๋นๆขนาดนี้นะเว้ย บ่อน้ำตาตื้นจะตาย"
"หยุดไปเลยพี่เต๋า ฮึก..พี่ต้า ก็ฉันนึกว่าพี่ตายไปแล้วซะอีก ก็พี่เต๋าบอกว่าพี่ต้าตายแล้วจากนั้นพี่เต๋าก็ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรเลย ฉันก็เสียใจซิ เนี่ย! รูปพี่ยังอยู่ในห้องพระอยู่เลย ฉันกับพี่เต๋าเข้าไปไหว้พี่ทุกวัน ฮือโฮ..ฟืด"
"อ่าวกรรม! กูกลายเป็นคนตายมาตั้ง 2 ปี แล้วมึงร้องไห้ให้กูจริงๆหรอวะไอ้เต๋า"
"โอ๊ะ! ไอ้ต้า กูกับมึงเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก กินนมก็ขวดเดียวกัน ถ้าเกิดว่ามึงตายไปจะให้กูหัวเราะหรอวะ กูไม่ได้บ้านะเว้ย!"พอผมพูดจบ ไอ้ต้ามันจ้องหน้าผมนิ่งเลย อะไรของมันอีกวะ
"ไอ้เต๋า กูขอบใจในความรู้สึกของมึงนะ แต่กูคงรับไว้ไม่ได้ มึงก็รู้ว่าเราสองคนเป็นผู้ชายเหมือนกัน โอ๊ย!"ไอ้ต้าพูดไม่ทันจบผมก็จัดตีนไปให้มันทันที
"กูไม่ได้หมายความว่ายังงั้นไอ้ต้า! อย่าคิดอะไรน่าขนลุกแบบนั้น กูไม่ขำนะ กูเป็นผู้ชาย กูชอบผู้หญิง!"ผมพูดเสียงดังเพื่อยืนยันตัวเอง แต่เสียงยัยเนสก็โต้กลับมาทันควัน
"สมควรแล้วที่พี่ต้าจะคิดแบบนั้น เพราะตั้งแต่ฉันเกิดมาฉันยังไม่เคยเห็นแฟนพี่เลยซักคน!"ยัยเนสเข้ามาเปิดประเด็น เรื่องที่ผมเป็นโสดตลอด 20 ปีที่ผ่านมา(เต๋าอายุ 20 แล้วแก่อ่ะ-จูน)
"ก็ฉันทำงานไง จะเอาเวลาที่ไหนไปจีบหญิง มาว่าแต่ฉัน เธอเคยมีไหมหล่ะยัยเนส"
"ไม่มี! ต..แต่ว่า คงเป็นเพราะว่าฉันน่ารักเกินไปเลยไม่มีคนกล้าจีบมากกว่า อีกอย่างฉันเองก็ไม่อยากมีแฟนด้วย"
"..หรอ...!" ตอบไม่ค่อยจะเข้าข้างตัวเองเลยน้องผม แต่ผมไม่สงสัยหรอกนะ ว่าทำไมยัยเนสถึงไม่อยากมีแฟน ก็เพราะเธอกลัวถูกทิ้งมากกว่า เพราะแต่เดิมเธอเป็นเด็กกำพร้า ความหลังนั่นก็เลยทำให้เธอกลัวที่จะมีความรัก
(เรียกคะแนนความสงสาร หนุ่มรีบมาจีบฉันซักทีซิคะ(>//<)-เนส)
"สรุปแล้วก็โสดกันทั้งคู่นั้นแหละ ฮ่าๆ"ไอ้ต้าหัวเราะ เออ ก็มันหล่อ มันแสนดี แฟนเยอะเป็นขโยงซักวันหนึ่งเหอะ รถไฟจะชนกัน โอม! โอมรถไฟจงชนไอ้ต้า
ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามาได้”สิ้นคำพูดผม หญิงสาวร่างบางคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาในห้องในมาดนางพญา เธอแต่งชุดสูทสีดำ ผมตรงยาวรวบตึงเอาไว้ด้านหลัง แสดงให้ถึงว่าเธอเป็นสาวมั่น ก่อนที่เธอจะเดินมาหยุดหน้าโต๊ะทำงานของผม
“มีอะไรหรอยัยทอมจูน”ทันทีที่เธอได้ยินคำพูดของผมเธอก็ขมวดคิ้วใส่อย่างไม่พอใจทันที
“ให้เกียรติฉันหน่อยซิคะบอส!”
“ก็ได้ๆ ไม่เห็นต้องโกรธขนาดนั้นเลย ว่ายังไงมีเรื่องอะไรอีกหล่ะ”
“จะมาแจ้งเรื่องของ ‘ก้าว’ น่ะ”เมื่อชื่อของเก้าหลุดจากปากจูน ในห้องของผมก็อยู่ในความเงียบลงพร้อมกับบรรยากาศที่เริ่มอัดอัดเข้ามาแทนที่ ยัยเนสกับไอ้ต้าเงี๊ยะหูฟังอย่างตั้งใจ ผมเอามือประสานไว้ที่คางแล้วพูดต่อ
“ว่ามาซิ”จูนเปิดแฟ้มเอกสารเล่มโตของเธออย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับดันแว่นกรอบเหล็กนั่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะสาธยายข้อมูลที่เธอหามาเองทั้งหมดให้ผมฟัง
“ข้อมูลที่ฉันหามาได้ทั้งหมด ไฟท์การบินทุกที่ในประเทศไทยไม่มีชื่อของก้าวเลย กรมการค้าทางน้ำก็ไม่มีข่าวคราว ในตอนนี้ฉันส่งคนกลุ่มหนึ่งออกไปตามหาก้าวที่อิตาลีเพื่อหาข้อมูลแต่ก็ยังไม่มีใครตอบกลับมาเลย”
“นั้นก็แปลว่า มันยังไม่ได้เข้ามาที่ประเทศไทย เรื่องที่แก๊งเราตั้งฐานอยู่ที่นี่ห้ามแพร่พรายออกไปเด็ดขาด”
“เต๋า! เรื่องที่เราหามันไม่เจอไม่ได้หมายความว่ามันยังไม่ได้เข้ามาในไทยนะ มันอาจจะเข้ามาแล้วก็ได้ หมาป่าเจ้าเล่ห์อย่างมันน่ะหรอ นายอย่าไปคิดแบบนั้น ตอนนี้มันอาจจะอยู่ใกล้ๆเราแล้วก็ได้ เผลอๆอาจจะอยู่ในแก๊งเราแล้วด้วยซ้ำ!!”จูนพูดเสียงดัง ดูจากน้ำเสียงแล้วผมก็รู้ว่าเธอกำลังเครียส แถมยังกำกระดาษข้อมูลจนยับยู่ยี่ ผมเลยลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆร่างของเธอ จากนั้นก็ถอดแว่นตากรอบเล็กนั่นออกจากใบหน้าเรียวแล้ววางมือบนไหล่เล็กๆก่อนที่จะตบเบาๆ
“จูน ฉันรู้นะว่าเธอกำลังเครียส แต่ว่าปล่อยมันไปบ้างเถอะ”
“แต่ว่า!”
“ตามฉันมา”ผมไม่พูดเปล่าแต่จับมือจูนไว้ด้วย แต่เธอก็สะบัดออกอย่างตกใจ
“ไปไหนของนาย”
“ไปเที่ยว ซื้อรองเท้าใหม่ ผู้หญิงต้องคู่กับรองเท้าสวยๆ”คราวนี้ผมโอบเธอแล้วบังคับให้เดินตาม ยัยจูนเลยต้องไปกับผมอย่างเสียไม่ได้ และเดินไปโดยลืมไปแลวว่าภายในห้องยังมีน้องสาวกับเพื่อนรักนั่งหัวโด่อยู่
...ขอจงเชื่อมั่นในห้วงแห่งรัก ขอจงเชื่อมั่นและเดินต่อไป
เพราะเรานั่นเชื่อมั่นในหัวใจ นี่หล่ะเสียงทำนองแห่งรัก...(เสียงริงโทนเนส)
ติ๊ด
(ป๊ะป๋าครับ!)
"ลูกชายป๋า คิดถึงจังจุฟๆ"
(มวฟๆหอมแก้มป๊า คิดถึงเลยโทรมา)
"โอปอล์ลูกป๊า วันนี้มีเที่ยวไหนไหม"
(มีครับป๊า ที่สนามแข่งรถ)
"จริงดิ ป๊าไปด้วย!"
(อ้อดี้ป๊าไม่สบายอยู่ที่อู่ไม่ใช่หรอฮะ)
"เอาน่าป๊ามีอีกคัน"
(นั้นผมจะรอนะฮะป๊า สนามเดิม เจอกันครับ รักนะ)
"รักเช่นกันจุฟ"
ปิ๊ป! เสียงกดวางสาย
"พี่ต้าจ๋า"
"อะไรยัยเนส?"
"ยืมปอร์เช่ไปแขงหน่อยดิ^^"
............... ในตอนนี้บรรยากาศรอบๆตัวผมมันช่างเงียบอะไรเช่นนี้ มันเงียบมากๆเลยแหะ เงียบจนน่าอึดอัด แต่ทำไมยัยจูนกลับทำหน้ามีความสุขซะขนาดนั้น
"นี่ ยัยจูน ทำไมมันเงียบแบบนี้หล่ะ โอ๊ย!"จูนจับหูผมก่อนที่จะดึงลงมาใกล้ๆเธอ แล้วพูดเสียงเบา
"ก็ที่นี่มันห้องสมุด ไม่ใช่ร้านรองเท้าไงเล่า แล้วพูดเบาๆด้วย เดี๋ยวเอานิ้วจิ้มจมูกให้บานเลย"ว่าแล้วยัยนี่ก็อ่านหนังสือต่อ โห่ แม่คุณ ใจคอเจ๊เขาจะเอาแต่อยู่กับไอ้ตรานี่อย่างเดียวเลยหรอ
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉันเลยนะ”
“อะไร ยัยจูนฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยซักคำ”
“ไม่ได้พูด แต่คิด! ไปๆ ไปหาหนังสืออ่านซะบ้าง หัวนายเนี่ยมีรอยหยักบางหรือเปล่านะ”พอถูกยัยจูนขับไล่ไสส่งผมก็เลยต้องเดินออกมาหาหนังสืออ่าน เหอะ มาว่าผมรไรอยหยักผมนี่ร้อยแปดไอคิวเลยนะ เอ-เอ็น-ที แอ๊น แปลว่ามด โด่!ผมยังรู้เลย(มันน่าอวดเนาะเต๋า-โอปอล์)
อืม..นิยายอะไรเนี่ย อุนจิผู้น่ารัก เหอะๆนิยายสมัยนี้หนอดูแล้วสั่วๆเหลือเกิน(เรื่องนี้ด้วย-เนส)แต่แล้วผมก็ไปสะดุดกับนิยายเล่มหนึ่งเข้า มันหนาขนาดปาหัวหมาแตกได้เลย เล่มสีชมพูแป๋นแหล๋นที่คนผลิตคงคิดว่ามันน่ารัก ชื่อเรื่องว่า ‘เมื่อลูกเจี๊ยบตัวเท่าช้าง’ เออ..น่าอ่านดี แต่ทันทีที่ผมจะคว้าก็มีมือของใครอีกคนหนึ่งโฉบเข้ามาจับก่อนผม แล้วมือเราก็สัมผัสกัน
“เล่มนี้ของฉัน เอามือของนายออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!”เสียงผู้หญิงนี่ ผมเลยก้มลงไปมองเธอทันทีซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เธอกำลังจ้องผมเขม็ง เฮ้ย! แต่น่ารักอ้ะ อันที่จริงผมนี่สุภาพบุรุษ แต่แม่สาวคนนี้ขอผมลองจีบหน่อย
“อะไรของเธอ ฉันเห็นมันก่อนนะ”
“แต่ว่าฉันคว้าได้ก่อน เล่มนี้ต้องเป็นของฉัน”โอ้ทำเสียงดุใส่ด้วย
“คุณครับถ้าคุณอยากได้ทำไมคุณไม่ขอดีๆหล่ะครับ ไม่งั้นคนอื่นเขาจะว่าๆหน้าด้านเอาได้นะครับ”เฮ้ย! เวรแล้ว ดันพูดหมาๆใส่ ดูดิผู้หญิงคนนี้มองผมตาเขียวปัดเลย เป็นเพราะไอ้ต้าแท้ๆ(เกี่ยวไรกับกูวะ-ต้า)
“โห! นายนี่ เป็นผู้ชายภาษาอะไร ว่าผู้หญิงว่าหน้าด้าน แทนที่จะเสียสละให้ผู้หญิง อ้อฉันรู้แล้วนายน่ะไม่ใช่ผู้ชาย นายมันตุ๊ด ตุ๊ดๆๆ ไอ้ตุ๊ด!”
ผึง! เสียงเส้นประสาทผมขาดครับ หึหึ ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่มาว่าผมเป็นตุ๊ด ผมรับไม่ได้นะครับ
“เออ ฉันมันตุ๊ด แล้วไงยัยชะนี ถึงฉันจะตุ๊ดแต่ฉันก็ทำเธอท้องได้นะยะ”ผมแสร้งดัดจริตกรีดนิ้ว บิดตูแล้วมองหน้าเธออย่ากวนอารมณ์
“กรี๊ด ไอ้ตุ๊ด หยาบคายๆ ไม่รู้หนังสือเล่มนี้ของฉัน”พูดแล้วเธอก็กระชากหนังสือไปไว้ในมือ ผมเองก็กระชากคืน
“หยุดเลยยัยชะนี เล่มนี้ของฉัน ถ้าเธอจะเอาฉันยังไม่ตัดนะ”
“อะ..ไอ้ปากเสีย! ของฉัน”เธอยื้อไป
“ของฉันต่างหากหล่ะยะ”ผมยื้อมา
“ไอ้ตุ๊ดปล่อยเดี๋ยวนี้นะ”เธอยื้อไปอีก
“ยัยชะนีเธอแหละปล่อย”ผมยื้อมาอีก
แคว๊ก!!! แล้วแล้วหนังสือก็ขาดออกจากกัน ..แหะๆซวยแล้วไง!
“อ่าว! คุณคะ หนังสือนี่ราคาสองหมื่นกว่าบาท เป็นหนังสือที่หายากมากเลย ถ้าคุณทำขาดแบบนี้คุณต้องชดใช้นะคะ”แม่พนักงานตาเยิ้มเข้ามาบอกผมแล้วทำหน้าเหี้ยมใส่
“ไอ้เรื่อง’เมื่อลูกเจี๊ยบตัวเท่าช้าง’เนี่ยนะ!!”
“ใช่ค่ะคุณผู้ชาย เพราะฉะนั้นขอค่าหนังสือด้วยค่ะ”
“เออใช่ไอ้ตุ๊ด จ่ายไปเดี๋ยวนี้นะ”ยัยชะนี เอ้ยแม่สาวคนนั้นพูด แหม! แม่คุณเมื่อกี๊เธอไม่ได้ดึงเลยเนาะ
“ว่าไงคะคุณ ค่าหนังสือ”ผมยิ้มแหยไปให้แม่ตาเยิ้มอีกครั้ง จากนั้นก็ควักกระเป๋าแต่พอพบกับความโล่งใจผมฝ่อมากกว่าเดิมทันที เวรแล้ว กระเป๋าตังค์! หายไปไหนวะ(อยู่ที่ฉันเองพี่-เนส)
มองหน้าพนักงานอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะโค้งหัวให้เธอแบบสุดตัว แล้วชิ่งออกมา ตามจริงนี่ไม่ใช่วิธีของผมแต่มันจำเป็นนะครับ
ฟิ้ววววววววว!!!
"อ่าวเฮ้ย!อย่าหนีนะ ไอ้ตุ๊ดมาจ่ายค่าหนังสือก่อน!!!"ผู้หญิงคนนั้นวิ่งไล่ตามผมมา ตามมาทำไมเนี่ย
"เธอก็จ่ายเองซิ ยัยชะนี อยากได้มากไม่ใช่หรอหนังสืออ้ะ!!!"
"อ..ไอ้บ้า เลิกเรียกฉันว่าชะนีนะ ฉันชื่อเจน นายจำไว้นะฉันชื่อ เจน แล้วถ้าฉันเจอนายอีกเมื่อไหร่ นายตาย!!!!"เสียงอาฆาตของผู้หญิที่ชื่อว่าเจนตะโกนไล่หลังผมออกมา แต่ผมก็วิ่งแล้วก็ไม่หันไปมองเธออีกเลย ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้น่ารักแต่ปากหนักขี้โวยวายชะมัด ถ้าเป็นแบบนี้ผมก็ไม่เอาหรอก สยอง!
MOONLIGHTY SAY:โอ๊ย ตอน 2 จบไปแล้ว คนเขียนแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพของเต๋ากับจูน และในตอนนี้คือการพบกันครั้งแรกของเจนและพระเอกของเรา
คนอื่นไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไหร่ แต่ตอนหน้าตัวประกอบอย่างเราจะมาโลดแล่นให้ดู อ๊ะ! แต่เจนไม่ได้ออกมาแค่นี้นะ เธอยังมีบทบาทสำคัญมากกว่านี้อีกเยอะ
ขอบคุณเพื่อนๆที่เป็นกำลังใจให้นะ แบบว่ารักรีดเดอร์ตายเลย(>3<)
"สรุปว่าพี่ต้ายังไม่ตายจริงๆใช่ไหมคะ"ยัยเนสถามเสียงเบาหวิวในมือถือยาดมเอาไว้ พอเธอเห็นไอ้ต้าพยักหน้าก็ร้องไห้โฮทันที
"อ่าวเฮ้ย! น้องมึงเป็นอะไรไปวะไอ้เต๋า"ต้าถามผมใบหน้าเหยเก
"Sensitive น้องกูมันไวต่อความรู้สึก เห็นแจ๋นๆขนาดนี้นะเว้ย บ่อน้ำตาตื้นจะตาย"
"หยุดไปเลยพี่เต๋า ฮึก..พี่ต้า ก็ฉันนึกว่าพี่ตายไปแล้วซะอีก ก็พี่เต๋าบอกว่าพี่ต้าตายแล้วจากนั้นพี่เต๋าก็ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรเลย ฉันก็เสียใจซิ เนี่ย! รูปพี่ยังอยู่ในห้องพระอยู่เลย ฉันกับพี่เต๋าเข้าไปไหว้พี่ทุกวัน ฮือโฮ..ฟืด"
"อ่าวกรรม! กูกลายเป็นคนตายมาตั้ง 2 ปี แล้วมึงร้องไห้ให้กูจริงๆหรอวะไอ้เต๋า"
"โอ๊ะ! ไอ้ต้า กูกับมึงเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก กินนมก็ขวดเดียวกัน ถ้าเกิดว่ามึงตายไปจะให้กูหัวเราะหรอวะ กูไม่ได้บ้านะเว้ย!"พอผมพูดจบ ไอ้ต้ามันจ้องหน้าผมนิ่งเลย อะไรของมันอีกวะ
"ไอ้เต๋า กูขอบใจในความรู้สึกของมึงนะ แต่กูคงรับไว้ไม่ได้ มึงก็รู้ว่าเราสองคนเป็นผู้ชายเหมือนกัน โอ๊ย!"ไอ้ต้าพูดไม่ทันจบผมก็จัดตีนไปให้มันทันที
"กูไม่ได้หมายความว่ายังงั้นไอ้ต้า! อย่าคิดอะไรน่าขนลุกแบบนั้น กูไม่ขำนะ กูเป็นผู้ชาย กูชอบผู้หญิง!"ผมพูดเสียงดังเพื่อยืนยันตัวเอง แต่เสียงยัยเนสก็โต้กลับมาทันควัน
"สมควรแล้วที่พี่ต้าจะคิดแบบนั้น เพราะตั้งแต่ฉันเกิดมาฉันยังไม่เคยเห็นแฟนพี่เลยซักคน!"ยัยเนสเข้ามาเปิดประเด็น เรื่องที่ผมเป็นโสดตลอด 20 ปีที่ผ่านมา(เต๋าอายุ 20 แล้วแก่อ่ะ-จูน)
"ก็ฉันทำงานไง จะเอาเวลาที่ไหนไปจีบหญิง มาว่าแต่ฉัน เธอเคยมีไหมหล่ะยัยเนส"
"ไม่มี! ต..แต่ว่า คงเป็นเพราะว่าฉันน่ารักเกินไปเลยไม่มีคนกล้าจีบมากกว่า อีกอย่างฉันเองก็ไม่อยากมีแฟนด้วย"
"..หรอ...!" ตอบไม่ค่อยจะเข้าข้างตัวเองเลยน้องผม แต่ผมไม่สงสัยหรอกนะ ว่าทำไมยัยเนสถึงไม่อยากมีแฟน ก็เพราะเธอกลัวถูกทิ้งมากกว่า เพราะแต่เดิมเธอเป็นเด็กกำพร้า ความหลังนั่นก็เลยทำให้เธอกลัวที่จะมีความรัก
(เรียกคะแนนความสงสาร หนุ่มรีบมาจีบฉันซักทีซิคะ(>//<)-เนส)
"สรุปแล้วก็โสดกันทั้งคู่นั้นแหละ ฮ่าๆ"ไอ้ต้าหัวเราะ เออ ก็มันหล่อ มันแสนดี แฟนเยอะเป็นขโยงซักวันหนึ่งเหอะ รถไฟจะชนกัน โอม! โอมรถไฟจงชนไอ้ต้า
ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามาได้”สิ้นคำพูดผม หญิงสาวร่างบางคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาในห้องในมาดนางพญา เธอแต่งชุดสูทสีดำ ผมตรงยาวรวบตึงเอาไว้ด้านหลัง แสดงให้ถึงว่าเธอเป็นสาวมั่น ก่อนที่เธอจะเดินมาหยุดหน้าโต๊ะทำงานของผม
“มีอะไรหรอยัยทอมจูน”ทันทีที่เธอได้ยินคำพูดของผมเธอก็ขมวดคิ้วใส่อย่างไม่พอใจทันที
“ให้เกียรติฉันหน่อยซิคะบอส!”
“ก็ได้ๆ ไม่เห็นต้องโกรธขนาดนั้นเลย ว่ายังไงมีเรื่องอะไรอีกหล่ะ”
“จะมาแจ้งเรื่องของ ‘ก้าว’ น่ะ”เมื่อชื่อของเก้าหลุดจากปากจูน ในห้องของผมก็อยู่ในความเงียบลงพร้อมกับบรรยากาศที่เริ่มอัดอัดเข้ามาแทนที่ ยัยเนสกับไอ้ต้าเงี๊ยะหูฟังอย่างตั้งใจ ผมเอามือประสานไว้ที่คางแล้วพูดต่อ
“ว่ามาซิ”จูนเปิดแฟ้มเอกสารเล่มโตของเธออย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับดันแว่นกรอบเหล็กนั่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะสาธยายข้อมูลที่เธอหามาเองทั้งหมดให้ผมฟัง
“ข้อมูลที่ฉันหามาได้ทั้งหมด ไฟท์การบินทุกที่ในประเทศไทยไม่มีชื่อของก้าวเลย กรมการค้าทางน้ำก็ไม่มีข่าวคราว ในตอนนี้ฉันส่งคนกลุ่มหนึ่งออกไปตามหาก้าวที่อิตาลีเพื่อหาข้อมูลแต่ก็ยังไม่มีใครตอบกลับมาเลย”
“นั้นก็แปลว่า มันยังไม่ได้เข้ามาที่ประเทศไทย เรื่องที่แก๊งเราตั้งฐานอยู่ที่นี่ห้ามแพร่พรายออกไปเด็ดขาด”
“เต๋า! เรื่องที่เราหามันไม่เจอไม่ได้หมายความว่ามันยังไม่ได้เข้ามาในไทยนะ มันอาจจะเข้ามาแล้วก็ได้ หมาป่าเจ้าเล่ห์อย่างมันน่ะหรอ นายอย่าไปคิดแบบนั้น ตอนนี้มันอาจจะอยู่ใกล้ๆเราแล้วก็ได้ เผลอๆอาจจะอยู่ในแก๊งเราแล้วด้วยซ้ำ!!”จูนพูดเสียงดัง ดูจากน้ำเสียงแล้วผมก็รู้ว่าเธอกำลังเครียส แถมยังกำกระดาษข้อมูลจนยับยู่ยี่ ผมเลยลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆร่างของเธอ จากนั้นก็ถอดแว่นตากรอบเล็กนั่นออกจากใบหน้าเรียวแล้ววางมือบนไหล่เล็กๆก่อนที่จะตบเบาๆ
“จูน ฉันรู้นะว่าเธอกำลังเครียส แต่ว่าปล่อยมันไปบ้างเถอะ”
“แต่ว่า!”
“ตามฉันมา”ผมไม่พูดเปล่าแต่จับมือจูนไว้ด้วย แต่เธอก็สะบัดออกอย่างตกใจ
“ไปไหนของนาย”
“ไปเที่ยว ซื้อรองเท้าใหม่ ผู้หญิงต้องคู่กับรองเท้าสวยๆ”คราวนี้ผมโอบเธอแล้วบังคับให้เดินตาม ยัยจูนเลยต้องไปกับผมอย่างเสียไม่ได้ และเดินไปโดยลืมไปแลวว่าภายในห้องยังมีน้องสาวกับเพื่อนรักนั่งหัวโด่อยู่
...ขอจงเชื่อมั่นในห้วงแห่งรัก ขอจงเชื่อมั่นและเดินต่อไป
เพราะเรานั่นเชื่อมั่นในหัวใจ นี่หล่ะเสียงทำนองแห่งรัก...(เสียงริงโทนเนส)
ติ๊ด
(ป๊ะป๋าครับ!)
"ลูกชายป๋า คิดถึงจังจุฟๆ"
(มวฟๆหอมแก้มป๊า คิดถึงเลยโทรมา)
"โอปอล์ลูกป๊า วันนี้มีเที่ยวไหนไหม"
(มีครับป๊า ที่สนามแข่งรถ)
"จริงดิ ป๊าไปด้วย!"
(อ้อดี้ป๊าไม่สบายอยู่ที่อู่ไม่ใช่หรอฮะ)
"เอาน่าป๊ามีอีกคัน"
(นั้นผมจะรอนะฮะป๊า สนามเดิม เจอกันครับ รักนะ)
"รักเช่นกันจุฟ"
ปิ๊ป! เสียงกดวางสาย
"พี่ต้าจ๋า"
"อะไรยัยเนส?"
"ยืมปอร์เช่ไปแขงหน่อยดิ^^"
............... ในตอนนี้บรรยากาศรอบๆตัวผมมันช่างเงียบอะไรเช่นนี้ มันเงียบมากๆเลยแหะ เงียบจนน่าอึดอัด แต่ทำไมยัยจูนกลับทำหน้ามีความสุขซะขนาดนั้น
"นี่ ยัยจูน ทำไมมันเงียบแบบนี้หล่ะ โอ๊ย!"จูนจับหูผมก่อนที่จะดึงลงมาใกล้ๆเธอ แล้วพูดเสียงเบา
"ก็ที่นี่มันห้องสมุด ไม่ใช่ร้านรองเท้าไงเล่า แล้วพูดเบาๆด้วย เดี๋ยวเอานิ้วจิ้มจมูกให้บานเลย"ว่าแล้วยัยนี่ก็อ่านหนังสือต่อ โห่ แม่คุณ ใจคอเจ๊เขาจะเอาแต่อยู่กับไอ้ตรานี่อย่างเดียวเลยหรอ
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉันเลยนะ”
“อะไร ยัยจูนฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยซักคำ”
“ไม่ได้พูด แต่คิด! ไปๆ ไปหาหนังสืออ่านซะบ้าง หัวนายเนี่ยมีรอยหยักบางหรือเปล่านะ”พอถูกยัยจูนขับไล่ไสส่งผมก็เลยต้องเดินออกมาหาหนังสืออ่าน เหอะ มาว่าผมรไรอยหยักผมนี่ร้อยแปดไอคิวเลยนะ เอ-เอ็น-ที แอ๊น แปลว่ามด โด่!ผมยังรู้เลย(มันน่าอวดเนาะเต๋า-โอปอล์)
อืม..นิยายอะไรเนี่ย อุนจิผู้น่ารัก เหอะๆนิยายสมัยนี้หนอดูแล้วสั่วๆเหลือเกิน(เรื่องนี้ด้วย-เนส)แต่แล้วผมก็ไปสะดุดกับนิยายเล่มหนึ่งเข้า มันหนาขนาดปาหัวหมาแตกได้เลย เล่มสีชมพูแป๋นแหล๋นที่คนผลิตคงคิดว่ามันน่ารัก ชื่อเรื่องว่า ‘เมื่อลูกเจี๊ยบตัวเท่าช้าง’ เออ..น่าอ่านดี แต่ทันทีที่ผมจะคว้าก็มีมือของใครอีกคนหนึ่งโฉบเข้ามาจับก่อนผม แล้วมือเราก็สัมผัสกัน
“เล่มนี้ของฉัน เอามือของนายออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!”เสียงผู้หญิงนี่ ผมเลยก้มลงไปมองเธอทันทีซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เธอกำลังจ้องผมเขม็ง เฮ้ย! แต่น่ารักอ้ะ อันที่จริงผมนี่สุภาพบุรุษ แต่แม่สาวคนนี้ขอผมลองจีบหน่อย
“อะไรของเธอ ฉันเห็นมันก่อนนะ”
“แต่ว่าฉันคว้าได้ก่อน เล่มนี้ต้องเป็นของฉัน”โอ้ทำเสียงดุใส่ด้วย
“คุณครับถ้าคุณอยากได้ทำไมคุณไม่ขอดีๆหล่ะครับ ไม่งั้นคนอื่นเขาจะว่าๆหน้าด้านเอาได้นะครับ”เฮ้ย! เวรแล้ว ดันพูดหมาๆใส่ ดูดิผู้หญิงคนนี้มองผมตาเขียวปัดเลย เป็นเพราะไอ้ต้าแท้ๆ(เกี่ยวไรกับกูวะ-ต้า)
“โห! นายนี่ เป็นผู้ชายภาษาอะไร ว่าผู้หญิงว่าหน้าด้าน แทนที่จะเสียสละให้ผู้หญิง อ้อฉันรู้แล้วนายน่ะไม่ใช่ผู้ชาย นายมันตุ๊ด ตุ๊ดๆๆ ไอ้ตุ๊ด!”
ผึง! เสียงเส้นประสาทผมขาดครับ หึหึ ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่มาว่าผมเป็นตุ๊ด ผมรับไม่ได้นะครับ
“เออ ฉันมันตุ๊ด แล้วไงยัยชะนี ถึงฉันจะตุ๊ดแต่ฉันก็ทำเธอท้องได้นะยะ”ผมแสร้งดัดจริตกรีดนิ้ว บิดตูแล้วมองหน้าเธออย่ากวนอารมณ์
“กรี๊ด ไอ้ตุ๊ด หยาบคายๆ ไม่รู้หนังสือเล่มนี้ของฉัน”พูดแล้วเธอก็กระชากหนังสือไปไว้ในมือ ผมเองก็กระชากคืน
“หยุดเลยยัยชะนี เล่มนี้ของฉัน ถ้าเธอจะเอาฉันยังไม่ตัดนะ”
“อะ..ไอ้ปากเสีย! ของฉัน”เธอยื้อไป
“ของฉันต่างหากหล่ะยะ”ผมยื้อมา
“ไอ้ตุ๊ดปล่อยเดี๋ยวนี้นะ”เธอยื้อไปอีก
“ยัยชะนีเธอแหละปล่อย”ผมยื้อมาอีก
แคว๊ก!!! แล้วแล้วหนังสือก็ขาดออกจากกัน ..แหะๆซวยแล้วไง!
“อ่าว! คุณคะ หนังสือนี่ราคาสองหมื่นกว่าบาท เป็นหนังสือที่หายากมากเลย ถ้าคุณทำขาดแบบนี้คุณต้องชดใช้นะคะ”แม่พนักงานตาเยิ้มเข้ามาบอกผมแล้วทำหน้าเหี้ยมใส่
“ไอ้เรื่อง’เมื่อลูกเจี๊ยบตัวเท่าช้าง’เนี่ยนะ!!”
“ใช่ค่ะคุณผู้ชาย เพราะฉะนั้นขอค่าหนังสือด้วยค่ะ”
“เออใช่ไอ้ตุ๊ด จ่ายไปเดี๋ยวนี้นะ”ยัยชะนี เอ้ยแม่สาวคนนั้นพูด แหม! แม่คุณเมื่อกี๊เธอไม่ได้ดึงเลยเนาะ
“ว่าไงคะคุณ ค่าหนังสือ”ผมยิ้มแหยไปให้แม่ตาเยิ้มอีกครั้ง จากนั้นก็ควักกระเป๋าแต่พอพบกับความโล่งใจผมฝ่อมากกว่าเดิมทันที เวรแล้ว กระเป๋าตังค์! หายไปไหนวะ(อยู่ที่ฉันเองพี่-เนส)
มองหน้าพนักงานอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะโค้งหัวให้เธอแบบสุดตัว แล้วชิ่งออกมา ตามจริงนี่ไม่ใช่วิธีของผมแต่มันจำเป็นนะครับ
ฟิ้ววววววววว!!!
"อ่าวเฮ้ย!อย่าหนีนะ ไอ้ตุ๊ดมาจ่ายค่าหนังสือก่อน!!!"ผู้หญิงคนนั้นวิ่งไล่ตามผมมา ตามมาทำไมเนี่ย
"เธอก็จ่ายเองซิ ยัยชะนี อยากได้มากไม่ใช่หรอหนังสืออ้ะ!!!"
"อ..ไอ้บ้า เลิกเรียกฉันว่าชะนีนะ ฉันชื่อเจน นายจำไว้นะฉันชื่อ เจน แล้วถ้าฉันเจอนายอีกเมื่อไหร่ นายตาย!!!!"เสียงอาฆาตของผู้หญิที่ชื่อว่าเจนตะโกนไล่หลังผมออกมา แต่ผมก็วิ่งแล้วก็ไม่หันไปมองเธออีกเลย ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้น่ารักแต่ปากหนักขี้โวยวายชะมัด ถ้าเป็นแบบนี้ผมก็ไม่เอาหรอก สยอง!
MOONLIGHTY SAY:โอ๊ย ตอน 2 จบไปแล้ว คนเขียนแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพของเต๋ากับจูน และในตอนนี้คือการพบกันครั้งแรกของเจนและพระเอกของเรา
คนอื่นไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไหร่ แต่ตอนหน้าตัวประกอบอย่างเราจะมาโลดแล่นให้ดู อ๊ะ! แต่เจนไม่ได้ออกมาแค่นี้นะ เธอยังมีบทบาทสำคัญมากกว่านี้อีกเยอะ
ขอบคุณเพื่อนๆที่เป็นกำลังใจให้นะ แบบว่ารักรีดเดอร์ตายเลย(>3<)
แก้ไขล่าสุดโดย sister เมื่อ Mon 11 Apr - 15:05, ทั้งหมด 1 ครั้ง