โรคภัยกับยุคสมัย
หมอ 1 กำลังคุยกับหมอด้วยกัน
หมอ 1 : พอเทคโนโลยีเปลี่ยนไป หมออย่างเราก็เปลี่ยนสาขาที่ต้องรับผิดชอบผู้ป่วย
หมอ 2 : คนไข้ไม่ว่ายุคไหนก็ยังเป็นคนไข้เหมือนเดิม หรือว่าเดี๋ยวนี้เริ่มมีหุ่นยนต์ป่วย?
หมอ 1 : ยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ลองสังเกตสิ เมื่อก่อนเวลาผู้หญิงทะเลาะตบตีกัน หมอผิวหนังจะรับหน้าที่รักษารอยฟกช้ำบนใบหน้า
พอเริ่มมีโทรศัพท์บ้าน เวลาวิวาทกันต้องตะโกนผ่านสาย วี้ดไปวี้ดมาจนเจ็บคอและหูอื้อ เดือดร้อนหมอดูคอจมูกเป็นผู้เยียวยา สมัย
นี้เข้าสู่ยุคมือถือ ด่ากันทีก็ใช้วิธีจิ้มBBโต้ไปโต้กลับ กดแป้นพิมพ์แบบกระหน่ำจนเกิดนิ้วล็อก กลายเป็นภาระหมอกระดูกมาคอยงัด
เส้นเอ็นให้ ไม่รู้ต่อไปจำห้ำหั่นกันด้วยโทรจิตรึเปล่า ถึงเพลานั้นคงเป็นจิตแพท์ที่ต้องเหนื่อยดูแล
----------------------------------------------------------------------------------------------
สกปรกจริงๆ
เยาวดี : วันก่อนฉันเอารองเท้าผ้าใบของสามีมาซัก เลยทำให้รู้ว่าเขาเป็นคนซกมกขนาดไหน
ศรีสุดา : ขอเดานะ พอเอารองเท้าที่ว่าแช่ในถัง น้ำก็ดำปี๋เลยสิ
เยาวดี : นั่นแค่เริ่มต้น เห็นแล้วยังนึกในแง่ดีว่าสีที่ย้อมมันละลายออกมา แต่พอเริ่มลงแปรงขัดๆไป สีที่แท้จริงก็ปรากฏ
หลงนึกว่าเป็นรองเท้าดำมาตั้งนาน ที่แท้มันเป็นผ้าใบสีฟ้า แต่เขาใส่แบบสมบุกสมบัน คราบเหงื่อกับขี้ไคลเลยสะสม พอก
จนรองเท้าสีสดกลายเป็นสีดำสนิท เห็นอย่างนี้แล้วหยะแหยงสามี ไม่อยากเข้าใกล้ต้นตอความสกปรก รู้สึกเหทือนตัวเองนอนกับถังขยะยังไงไม่รู้
----------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่ต้องให้พร
ลูกเขยบอกกับแม่ยายคู่รักคู่แค้น
ลูกเขย : แม่ครับ ผมคงต้องบินไปโมตูรูรันสักอาทิตย์นึงอยากจะฝากดูแลบ้านด้วย
แม่ยาย : เดินทางไกลขอให้แคล้วคลาดนะ ถ้านั่งรถแล้วจู่ๆ มันไปชนกับ10ล้อขอให้พุ่งตัวออกนอกหน้าต่างได้ทัน ไม่โดนอัดและเป็นศพอยู่ในนั้น
เวลาขึ้รเครื่องบินขอให้เจอลำปกติ หากว่าเกิดน้ำมันรั่ว เครื่องยนต์ระเบิดไฟลุกท่วมทั้งลำ ขอให้โดนสะเก็ดไฟน้อยที่สุด ลงเรือขออย่าให้รั่วให้จม
แต่ถ้าพลัดตกน้แล้วมีจระเข้มางับ ก็ให้มันงับโดนส่วนที่ไม่สำคัญละกัน
ลูกเขย : ถ้าจะอวยพรกันแบบนี้ ผมว่าคุณแม่สาปแช่งกันตรงๆดีกว่า เอาให้จริงใจไปเลย!
หมอ 1 กำลังคุยกับหมอด้วยกัน
หมอ 1 : พอเทคโนโลยีเปลี่ยนไป หมออย่างเราก็เปลี่ยนสาขาที่ต้องรับผิดชอบผู้ป่วย
หมอ 2 : คนไข้ไม่ว่ายุคไหนก็ยังเป็นคนไข้เหมือนเดิม หรือว่าเดี๋ยวนี้เริ่มมีหุ่นยนต์ป่วย?
หมอ 1 : ยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ลองสังเกตสิ เมื่อก่อนเวลาผู้หญิงทะเลาะตบตีกัน หมอผิวหนังจะรับหน้าที่รักษารอยฟกช้ำบนใบหน้า
พอเริ่มมีโทรศัพท์บ้าน เวลาวิวาทกันต้องตะโกนผ่านสาย วี้ดไปวี้ดมาจนเจ็บคอและหูอื้อ เดือดร้อนหมอดูคอจมูกเป็นผู้เยียวยา สมัย
นี้เข้าสู่ยุคมือถือ ด่ากันทีก็ใช้วิธีจิ้มBBโต้ไปโต้กลับ กดแป้นพิมพ์แบบกระหน่ำจนเกิดนิ้วล็อก กลายเป็นภาระหมอกระดูกมาคอยงัด
เส้นเอ็นให้ ไม่รู้ต่อไปจำห้ำหั่นกันด้วยโทรจิตรึเปล่า ถึงเพลานั้นคงเป็นจิตแพท์ที่ต้องเหนื่อยดูแล
----------------------------------------------------------------------------------------------
สกปรกจริงๆ
เยาวดี : วันก่อนฉันเอารองเท้าผ้าใบของสามีมาซัก เลยทำให้รู้ว่าเขาเป็นคนซกมกขนาดไหน
ศรีสุดา : ขอเดานะ พอเอารองเท้าที่ว่าแช่ในถัง น้ำก็ดำปี๋เลยสิ
เยาวดี : นั่นแค่เริ่มต้น เห็นแล้วยังนึกในแง่ดีว่าสีที่ย้อมมันละลายออกมา แต่พอเริ่มลงแปรงขัดๆไป สีที่แท้จริงก็ปรากฏ
หลงนึกว่าเป็นรองเท้าดำมาตั้งนาน ที่แท้มันเป็นผ้าใบสีฟ้า แต่เขาใส่แบบสมบุกสมบัน คราบเหงื่อกับขี้ไคลเลยสะสม พอก
จนรองเท้าสีสดกลายเป็นสีดำสนิท เห็นอย่างนี้แล้วหยะแหยงสามี ไม่อยากเข้าใกล้ต้นตอความสกปรก รู้สึกเหทือนตัวเองนอนกับถังขยะยังไงไม่รู้
----------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่ต้องให้พร
ลูกเขยบอกกับแม่ยายคู่รักคู่แค้น
ลูกเขย : แม่ครับ ผมคงต้องบินไปโมตูรูรันสักอาทิตย์นึงอยากจะฝากดูแลบ้านด้วย
แม่ยาย : เดินทางไกลขอให้แคล้วคลาดนะ ถ้านั่งรถแล้วจู่ๆ มันไปชนกับ10ล้อขอให้พุ่งตัวออกนอกหน้าต่างได้ทัน ไม่โดนอัดและเป็นศพอยู่ในนั้น
เวลาขึ้รเครื่องบินขอให้เจอลำปกติ หากว่าเกิดน้ำมันรั่ว เครื่องยนต์ระเบิดไฟลุกท่วมทั้งลำ ขอให้โดนสะเก็ดไฟน้อยที่สุด ลงเรือขออย่าให้รั่วให้จม
แต่ถ้าพลัดตกน้แล้วมีจระเข้มางับ ก็ให้มันงับโดนส่วนที่ไม่สำคัญละกัน
ลูกเขย : ถ้าจะอวยพรกันแบบนี้ ผมว่าคุณแม่สาปแช่งกันตรงๆดีกว่า เอาให้จริงใจไปเลย!