เรื่อง...สามขุนนาง
คณะขุนนางแห่งนครหนึ่งหารือกันเร์่องซ่อมแซมกำแพงเมือง
ขุนนางคนที่ 1 มาจากตระกูลช่างไม่ เสนอขึ้นว่า
"ใช้ไม้ซุงทำกำแพง รับรองว่าแข็งแรงแน่นอน"
ขุนนางคนที่ 2 มาจากตระกูลช่างทำหนังก็เสนอว่า
"ใช้หนังสัตว์ทำสิ ทั้งทนทานทั้งแข็งแรง"<<<จริงเร้อ~
ขุนนางคนที่ 3 มาจากตระกูลช่างก่ออิฐจึงเสนอว่า
"ไม้ซุงกับหนังสัตว์หรือจะสู้อิฐได้"
คติเตือนใจ
คนเราย่อมคิดว่าสิ่งที่ตนคิดนั้นดีที่สุด
เรื่อง....กากับนกนางแอ่น
นกนางแอ่นถามกาว่า
"เจ้าว่าวขนของข้ากับขนของเจ้าใครจะงามกว่ากัน"
กามองขนของตนแล้วตอบว่า
"ข้าว่าขนของข้าก็สวยดีนะ"
นกนางแอ่นขยับปีกพลางว่า
"แต่เจ้าดูสิ ขนของข้าดูสวยเป้็นพิเศษในฤดูร้อนอย่างนี้"
กาจึงกล่าวว่า
"ก็จริงนะ แต่ขนของข้างามทุกฤดู ไม่ว่าฤดูไหนมันก็จะดำเช่นนี้
และเป็นเงางามเช่นนี้"
คติสอนใจ
ความงามที่ยั่งยืนคือความงามที่แท้จริง
ไม่เอาละมัน ติงต๊อก เกิน คาดว่าคงไม่ชอบ
จริงมั๊ย??^^(ขี้เกียจนั่งพิมพ์) [You must be registered and logged in to see this image.]
คณะขุนนางแห่งนครหนึ่งหารือกันเร์่องซ่อมแซมกำแพงเมือง
ขุนนางคนที่ 1 มาจากตระกูลช่างไม่ เสนอขึ้นว่า
"ใช้ไม้ซุงทำกำแพง รับรองว่าแข็งแรงแน่นอน"
ขุนนางคนที่ 2 มาจากตระกูลช่างทำหนังก็เสนอว่า
"ใช้หนังสัตว์ทำสิ ทั้งทนทานทั้งแข็งแรง"<<<จริงเร้อ~
ขุนนางคนที่ 3 มาจากตระกูลช่างก่ออิฐจึงเสนอว่า
"ไม้ซุงกับหนังสัตว์หรือจะสู้อิฐได้"
คติเตือนใจ
คนเราย่อมคิดว่าสิ่งที่ตนคิดนั้นดีที่สุด
เรื่อง....กากับนกนางแอ่น
นกนางแอ่นถามกาว่า
"เจ้าว่าวขนของข้ากับขนของเจ้าใครจะงามกว่ากัน"
กามองขนของตนแล้วตอบว่า
"ข้าว่าขนของข้าก็สวยดีนะ"
นกนางแอ่นขยับปีกพลางว่า
"แต่เจ้าดูสิ ขนของข้าดูสวยเป้็นพิเศษในฤดูร้อนอย่างนี้"
กาจึงกล่าวว่า
"ก็จริงนะ แต่ขนของข้างามทุกฤดู ไม่ว่าฤดูไหนมันก็จะดำเช่นนี้
และเป็นเงางามเช่นนี้"
คติสอนใจ
ความงามที่ยั่งยืนคือความงามที่แท้จริง
ไม่เอาละมัน ติงต๊อก เกิน คาดว่าคงไม่ชอบ
จริงมั๊ย??^^(ขี้เกียจนั่งพิมพ์) [You must be registered and logged in to see this image.]