เรื่องราวของจานบิน เป็นเรื่องเล่าที่มีความยาวนานกว่า 5000 ปีแล้ว ในอียิปต์ มีจารึกไว้ในปิระมิด ที่กล่าวถึงวัตถุประหลาดบินได้ชนิดหนึ่ง และสร้างความประหลาดใจกับนักประวัติศาสตร์ และนัก UFO โดยบันทึกว่า เป็นโล่เพลิงที่บินมา และในโล่เพลิง นี้มีคนมาด้วย ส่วนในอเมริกาใต้ ว่า ชนดั้งเดิมของชาวมายา เป็นผู้มาจากดาวอื่น แล้วสร้างอารยธรรมมายาขึ้น ให้ลูกหลานแล้ว ก็ขึ้นบินกลับไป โดยบอกว่าสักวันหนึ่งจะกลับมา
มนุษย์ต่างดาว 5 ประเภท
ดร. เจ อัลเลน ไฮเนค ได้แบ่งการมาเยือนของมนุษย์ต่างดาวออกเป็น 5 ประเภท
1. UFO ที่ปรากฏในระยะ 150 หลา
2. เป็น UFO ที่ทิ้งร่องรอยการเยือนเอาไว้ เช่น รอยไหม้เกรียมบนพื้นดิน หรือชิ้นส่วนมนุษย์ต่างดาว
3. เรื่องการผู้พบเห็นมนุษย์ต่างดาว
4. เกี่ยวกับการลักพาตัวของมนุษย์ต่างดาว
5. การสื่อสารระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ต่างดาว
การพบ UFO การเห็นครั้งแรก เป็นเพียงแสงบนท้องฟ้าเท่านั้น บางกรณีรวมไปถึงดาวแห่ง เบธเลเฮม ว่าเป็นดาวดวงหนึ่ง หรือเป็น UFO นอกจากนี้ยังมีเรื่อง “แสงลับบ็อค” ซึ่งเป็นแสงประหลาด มีพยานเป็นร้อย ๆ คนรายงานถึงการเห็นแสงนี้เหนือเมืองลับบ็อค มลรัฐเท็กซัส ในทศวรรษที่ 1950
รวมถึงเรื่องลึกลับในพื้นที่ 51 (แอเรีย 51) แสงประหลาดจำนวนมากมาย ปรากฏบนท้องฟ้า รอบ ๆ ฐานทัพอากาศ เกิดในทะเลทรายเนวาดา
บ๊อบ ลาซาร์ อ้างว่า เขาเคยทำงานในฐานทัพลับสุดยอดแห่งนี้ เขาบอกว่า แสงประหลาดเหล่านั้น มันเป็นยาน UFO ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุด เขาบอกเรื่องนี้แต่เพียงคนเดียว ทำให้เขาท้อ ทั้งยังโดนเจ้าหน้ารัฐบาลพยายามฆ่าปิดปาก เพราะไม่พอใจ ที่เขาเปิดเผยความลับเรื่อง พื้นที่ 51
รัสเซีย ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ของโมจิกา เป็นสถานที่ปรากฏการณ์ ประหลาดเกิดขึ้นหลายครั้ง มีการเห็นลูกไฟบ่อย ๆ และถูกอ้างว่า UFO ลงมาจอด
ภาพยนตร์ผ่าศพมนุษย์ต่างดาว เรื่องราวที่ยังคงเป็นปริศนา
ย้อนกลับไปประมาณ 50 ปี วันที่ 4 กรกฎาคม 1974 ที่รอสเวลล์ ชาวนาคนหนึ่งไปพบวัตถุประหลาดตกลงจากท้องฟ้า เป็นเศษโลหะที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่คล้ายภาพเฮียโรกราฟิกของอียิปต์โบราณ กองทัพเรือสหรัฐทราบ จึงเก็บหลักฐานไปหมด ร่องรอยการระเบิดขนาดใหญ่ มี 3 ศพ มีรอดชีวิตเพียง 1 คน จึงนำศพไปผ่าพิสูจน์
มนุษย์ที่พบนั้น สูงประมาณ 3-4 ฟุต ตาโต หัวโต และถูกถ่ายไว้ ตลอดการถ่ายผ่าศพ และแอบเก็บไว้อีก 1 ชุด ในภาพยนตร์ดังกล่าว จะเห็นหมอผ่าตัด 2 คน ใส่ชุดป้องกันกัมมันตรังสี เมื่อผ่าสมอง ก็พบว่า มีสมองเพียงลูกเดียว ตา 2 ข้างโตผิดปกติ หูเล็ก อวัยวะภายในไม่ค่อยเหมือนมนุษย์ สีเลือดเป็นสีเหลืองน้ำตาล นิ้วมือข้างละ 6 นิ้ว
จากการตรวจสอบฟิล์มภาพยนตร์ 16 ม.ม หลายฝ่าย พบว่า เป็นฟิล์มที่ผลิตในปี 1947 จริง และการผ่าตัดต่าง ๆ ยืนยัน ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ไม่ใช่การสร้างหุ่นจำลอง ทำให้ภาพยนตร์ชุดนี้ เป็นที่สนใจและนำมาศึกษาเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวอย่างต่อเนื่องตลอดมา
แต่มีนักวิชาการวิเคราะห์ออกมาว่า ลักษณะวิธีผ่าตัดน่าจะเป็นแพทย์ชาวอังกฤษ มากว่าอเมริกัน จึงกลายเป็นเรื่องถกเถียงกัน
จานบิน UFO ที่มีผู้พบเห็น แบ่งออกเป็นลักษณะต่าง ๆ
1. Noctunal Light-NL คือปรากฏการณ์ของแสง ที่พบเห็นในเวลากลางคืน แต่ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นแสงจากดาว เครื่องบิน หรือบางสิ่งที่คล้ายกับการปรากฏตัว รูปแบบและจำนวนไม่แน่นอน การเคลื่อนที่รวดเร็ว
2. Daylight Disc-DD คือวัตถุกลมแบนมองเห็นเวลากลางวัน อาจมีรูปอื่น เช่น ทรงกลม รี รูปไข่ ปรากฏหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่จะเป็นรูปจาน มีสีน้ำเงิน เคลื่อนที่เร็วมาก แต่เงียบ ไม่เกิด โซนิกบูม
3. Radar Visuals-RV มองเห็นด้วยตาเปล่า และจากจอเรดาร์ ปรากฏตัวไม่แน่นอน ลอยตัวในอากาศระดับหนึ่งแล้วเพิ่มความเร็วที่ไม่แน่นอน มีการเลี้ยวกลับในมุมที่แคบมาก
4. Close Encounter of the First Kind-CE-1 คือ เห็นจานบินระยะใกล้ ไม่เกิน 500 ฟุต มีรูปร่างหลายแบบ ส่วนใหญ่ รูปจาน รูปไข่ หรือคล้ายฟุตบอล บางครั้งรูปโดม ลอยตัวนิ่ง ๆ เมื่อเคลื่อนที่จะไปเร็วมาก บางครั้งจะมีการหมุนตัว
5. Close Encounter fo the Second Kind-CE-2 คือ คล้ายกับแบบที่ 3 แต่ชัดเจนกว่า ส่วนใหญ่เมื่อปรากฏตัวจะรบกวนต่อระบบไฟฟ้า และแสงสว่าง มีส่วนยื่นจากตัวยาน เช่น โดมหรือขาหยั่ง เคลื่อนที่ในแนวดิ่ง
6. Close Encounter fo the Third Kind-CE-3 คือ CE-1 และ CE-2 มีผู้พบเห็นในลักษณะนี้กว่า 1,200 ราย ทั่วโลก รูปร่างหลายแบบเชื่อได้ค่อนข้างแน่นอน เป็นจานบินจริง บางครั้งผู้ขับขี่ออกมานอกยาน ปรากฏตัวให้เห็นเต็มตา
EPISODE I ร่องรอยการมาเยือนครั้งที่ 1
ปรากฏการณ์ไฟประหลาดบนท้องฟ้า
ดาวตกไซบีเรีย ได้ถูกบันทักภายใต้ชื่อ “CE1” มีพยานได้เล่าถึงดาวตกสีน้ำเงิน เสียงที่ได้ยินคล้ายระเบิด เหตุการณ์ที่ตามมาเป็นความเสียหายที่ลุกลามไปทั่ว
เหตุการณ์ประหลาดนี้เกิดขึ้นในเช้าวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2451 เวลาประมาณ 07.00 น. ขณะผู้โดยสารรถด่วนสาย ทรานไซบีเรีย พากันประหลาดใจที่ได้เป็นพยานในปรากฏการณ์ “ดาวตกดวงใหญ่แห่งไซบีเรีย” ตู้รถไฟโยกไปมาอย่างรุนแรงเมื่อลูกไฟสีฟ้าลอยอยู่เหนือตู้โดยสารขณะที่พนักงานขับรถไ
ฟคิดว่ารถไฟของเขาระเบิด เหตุการณ์นี้ ถูกบันทึกว่าเป็นลูกไฟที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
ราว 07.15 น. ลูกไฟมาถึงย่านการค้าของ “วานาวาร่า” เอส.บี. ซีมีนาว ชาวนาท้องถิ่นกำลังนั่งอยู่ที่ระเบียงบ้าน เมื่อมีวัตถุบินผ่านหัว ซีมีนาว รู้สึกว่าเสื้อเชิร์ต ตรงแผ่นหลังลุกติดไฟ ขณะที่ โคซา โลปอฟ (เพื่อนบ้าน) กุมหูด้วยความเจ็บปวด พยายามระงับความรู้สึกในหูที่ร้อนราวถูกเผา นอกจากนี้ยังมีชาวมองโกเลียเผ่า ทังกัส ซึ่งตั้งรกรากอยู่รอบ ๆ แม่น้ำทังกัสก้า เป็นพยานถึงการตกนี้ด้วย ก็พบดาวตกดวงใหญ่ลอยเป็นทาง ทิ้งควันเป็นหางและแสงไฟที่ยาวถึง 500 ไมล์
เลโอนิค คูลิค นักวิทยาศาสตร์ และนักทรัพยากรธรณี ผุ้ก่อตั้งวิทยาศาสตร์อุกกาบาตในรัสเซีย เชื่อว่าลูกไฟแท้จริงแล้วทังกัสคาคืออุกกาบาตเหล็กที่มีขนาดใหญ่กว่าลูกที่ทำให้เกิด
หลุมอุกกาบาต ริงเจอร์อันมีชื่อเสียงในแอริโซนา เมื่อประมาณ 25,000 ปีก่อน แม้จะใช้อุปกรณ์แม่เหล็กค้นหา และเจาะเป็นเวลาหลายปี คูลิค ก็ไม่สามารถตรวจจับโลหะในบริเวณ รอบ ๆ นั้นได้เลย เห็นได้ชัดว่าวัตถุลึกลับนั้นไม่ได้สัมผัสกับพื้นดินด้วยซ้ำ
เผ่าทังกัสได้รับผลกระทบจากการระเบิดของลูกไฟ นอกจากไฟป่าจะเผาผลาญเป็นเวลานานหลายอาทิตย์ ทำลายพั้นที่ 625 ตารางไมล์ พวกเขาต้องสูญเสียฝูงกวางเรนเดียร์ ไปหมด
ปรากฏการณ์ประหลาดกอร์แมน
ปรากฏแสงไฟหรือวัตถุลึกลับมาจา จ่า จอร์ช เอฟ. กอร์แมน แห่งกองทัพอากาศสหรัฐ เกิดขึ้นเมื่อ ฟาร์โกร รัฐ น็อธดาโกต้า วันที่ 1 ตุลาคม 2491 ใช้เวลา 27 นาที ขณะที่กอร์แมน บินกลับจากการบินข้ามประเทศด้วยเครื่องบินรบและตัดสินใจบินต่อ เพื่อตรวจตรายามค่ำคืน เขากำลังนำเครื่องลง เวลาประมาณ 21.00 น. ขณะนั้นเองเขาเห็นเครื่องบินเหนือท้องฟ้า อีกลำหนึ่ง จึงวิทยุบอกศูนย์ควบคุม ศูนย์ควบคุมยืนยันว่ามีเครื่องเพียงลำเดียวคือ ไพเพอร์คลับ ของเขาเท่านั้น เขาเตรียมลงจอด เขาก็เห็น ไฟประหลาดที่หางของเครื่องบินอีกลำ เขาพยายามติดต่อศูนย์ควบคุมอีกครั้ง แต่แจ้งว่า ไม่มีเครื่องบินอื่นเขาจึงตัดสินใจหาแสงลึกลับด้วยตัวเอง ทันทีที่เข้าใกล้ ระยะ 100 หลา เขาสังเกตพบว่ารูปร่างของวัตถุลึกลับทั้งสองนั้นยังคงเคลื่อนตามกัน จนกอร์แมน บินแยกออก และมีแสงไฟเหนือเพดานเครื่องบิน ประมาณ 500 ฟุต เขาบินตัดไปทางขวา แล้วแสงไฟนั้นก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว แต่นักสำรวจสรุปว่า เขา กำลังบินไล่บอลลูนพยากรณ์กรอากาศ ทำไมนักบินที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์อันโชกโชน จะเข้าใจผิดระหว่างวัตถุที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว กับบอลลูนที่ลอยไปอย่างช้า ๆ ข้อสงสัยนี้ยังคงเป็นที่กังขาอยู่.
---------------------------------------------------
“มนุษย์ต่างดาว” โผล่กลางทุ่งนาที่เชียงราย คนแตกตื่นไปดูกันเพียบ ปรากฏโฉมให้ชาวบ้านนับสิบคนเห็นเป็นชั่วโมง แล้วลอยวับหายไปในท้องฟ้า เผยรูปพรรณมนุษย์ประหลาดมีลักษณะคล้ายคนแคระ สูงประมาณ 70 ซม. ไม่สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ ไม่ระบุเพศ ผิวสีน้ำตาลเทา ศีรษะมนกลมโต หน้าอกแบนราบ ชาวบ้านที่เห็นกับตาแอ่นอกการันตีเรื่องนี้ไม่ได้โม้หรือเมาแต่อย่างใด
เรื่องราวความเร้นลับเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวที่มาเยือนโลกมนุษย์ ถูกเปิดเผยขึ้นอีกครั้งเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 8 ก.ย. สมาชิกเครือข่ายของสถานีวิทยุกรมประมงร่วมด้วยช่วยกัน อ.เมืองเชียงราย ที่ระบุชื่อว่านายกิตติเกษม รัตนโฆษะ อายุ 30 ปี ได้โทรศัพท์เข้ามาเล่าเรื่องราวความลี้ลับกับนางเรณู วงศ์สุวรรณ ดีเจรายการ "ท่องเที่ยวอย่างสุขใจไปกับททท." ว่านายมานพ ลาวิชัย อาชีพทำนาที่บ้านห้วยน้ำราก หมู่ 5 ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย ได้พบลูกไฟประหลาดลอยมาตกกลางทุ่งนาหลังบ้าน เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้สนใจอะไร เพราะคิดว่าเป็นปรากฏการณ์ดาวตกหรือผีพุ่งใต้
ต่อมาช่วงเช้าวันที่ 3 ก.ย. นายมานพเข้าไปดูนาข้าวตามปกติก็พบกับมนุษย์ประหลาด รูปร่างคล้ายคนแคระ สูงประมาณ 70 ซม. ไม่สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ ไม่ระบุเพศ ผิวสีน้ำตาลเทา ศีรษะมนกลมโต ตาโตสีน้ำตาลเป็นมันวาว ไม่มีจมูก ปากบางเล็ก หน้าอกแบนราบ ลักษณะร่างกายไม่กลมมนเหมือนกับมนุษย์ คือถ้ามองจากด้านข้างจะแบนราบ โดยขณะที่พบนั้นมนุษย์ประหลาดเดินวนไปวนมาเหมือนหาสิ่งของอะไรบางอย่าง และช่วงที่นายมานพยืนดูอยู่นั้น ได้มีชาวบ้านที่ออกมาเลี้ยงวัวและคนหาปลานับ 10 คน ต่างมารวมกลุ่มยืนจ้องดูมนุษย์ประหลาด ในระยะห่างประมาณ 10 เมตร พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานาว่า น่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวหรือไม่ก็พวกหุ่นยนต์
แม้จะตกเป็นเป้าสายตาของชาวบ้านนับสิบคู่ แต่มนุษย์ประหลาดไม่ได้รู้สึกหวั่นไหว และยังคงเดินวนไปมาตามปกติ แล้วหันมามองชาวบ้านด้วยแววตามันวาวเป็นระยะ ๆ ผ่านไป ประมาณหนึ่งชั่วโมง มนุษย์ประหลาดจึงค่อย ๆลอยตัวสูงขึ้นจากพื้นดินไปอยู่เหนือยอดไม้ประมาณ 10 เมตร จากนั้นก็หยุดแล้วหันหน้ามองลงมายังกลุ่มชาวบ้าน ก่อนจะพุ่งลิ่วขึ้นสู่ท้องฟ้าหายลับตาไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากปรากฏเป็นข่าวแพร่กระจายออกไป ได้มีชาวบ้านจำนวนมากพากันแตกตื่นเดินทางมาสำรวจบริเวณกลางทุ่งนาดังกล่าว และพยายามหาร่องรอยหลักฐานของมนุษย์ต่างดาว แต่ก็ไม่มีใครพบ
อย่างไรก็ตาม นายคำมา ปิ่นทรายมูล อายุ 57 ปี และนางบัวแก้ว จันต๊ะเวง อายุ 59 ปี ทั้งสองเป็นชาวบ้านในบ้านห้วยน้ำราก หมู่ 5 ต.จันจว้า ที่เห็นมนุษย์ประหลาดกับตาตัวเอง กล่าวยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ได้โม้หรือเมาแต่อย่างใด เพราะเห็นเหตุการณ์กันตอนเช้านานเป็นชั่วโมง และมีคนอื่น ๆ ทยอยออกมาดูกันเป็นสิบคน.
-----------------------------------------------------------
เชียงราย – “ดร.เทพนม เมืองแมน” ยันสิ่งที่ชาวบ้านห้วยน้ำราก อ.แม่จัน จ.เชียงราย พบไม่น่าจะเป็นแค่หุ่นอัดแก๊ส เพราะลอยมาแล้วลอยหายไปไหน พร้อมเตรียมพิสูจน์ภาพจานบิน หลังมีคนบันทึกได้ที่ อ.แม่จัน เมื่อ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา
สืบเนื่องจากมีข่าวลือว่ามีชาวบ้านเห็นมนุษย์ต่างดาว ที่บ้านห้วยน้ำราก หมู่ 5 ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย นั้น ล่าสุด ศ.ดร.น.พ.เทพนม เมืองแมน ประธานอำนวยการฝ่ายสถาบันวิทยาศาสตร์ทางจิต ผู้ที่ศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว และยูเอฟโอ มากว่า 10 ปี เปิดเผยว่า ตามที่นายทองม้วน โพธิชัยเลิศ สมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลป่าสัก (อบต.) ที่บ้านเลขที่ 96 บ้านดอยคำ ม.10 ต.ป่าสัก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ที่อยู่ห่างจากบ้านห้วยน้ำราก หมู่ 5 ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย จุดที่ชาวบ้านพบสิ่งแปลกประหลาดคล้ายมนุษย์ต่างดาว ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 6 กม. เปิดเผยพร้อมภาพสเกตช์ว่า หุ่นยางสีส้มปนเขียว สูงประมาณ 1 เมตร ที่ลอยได้ด้วยพลังจากแก๊สหายไปจากบ้านเนื่องจากพายุพัด และอาจเป็นหุ่นที่ชาวบ้านห้วยน้ำราก ต.จันจว้า อ.แม่จัน พบแล้วคิดว่าเป็นมนุยษ์ต่างดาวมาเยือน
ในส่วนของตนเองยังไม่เชื่อว่าสิ่งที่ชาวบ้านเห็นจะเป็นแค่หุ่น เนื่องจากได้มีการตรวจสอบจากคนรู้จักในพื้นที่ อ.แม่จัน พบว่าสิ่งที่ชาวบ้านเห็นน่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวมาเยือน นอกจากนี้ยังมีนักธุรกิจคนหนึ่งโทรศัพท์มาเล่าว่า เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2548 ได้ไปเล่นกอล์ฟที่บริเวณ อ.แม่จัน จ.เชียงราย แล้วพบว่ามีวัตถุบินได้คล้ายจานบินมาบินวนเวียนเหนือท้องฟ้า และได้ถ่ายภาพวิดีโอไว้ด้วย ซึ่งกำลังนำภาพวิดีโอมาให้ตนที่ กทม.ในวันนี้(15 กันยายน 2548)
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนได้ศึกษาเรื่องราวมนุษย์ต่างดาวมากมาย และพบว่ามีจริง โดยมีภาพถ่ายยืนยันด้วยว่ามีการพบในประเทศไทย แต่ในส่วนของ อ.แม่จันนั้นยังไม่ได้เข้าไปดูเพราะช่วงนี้ยังมีงานมาก แต่ได้ติดตามข่าวจากสื่อมวลชนตลอด
“ผมคิดว่าสิ่งที่ชาวบ้านเห็นไม่น่าจะเป็นแค่หุ่นที่อัดแก๊ส เพราะไม่น่าจะลอยมาได้ไกล 6 กม. และหลังจากลอยมาให้ชาวบ้านเห็นแล้วทำไมหายไป” ศ.ดร.น.พ.เทพนม เมืองแมน กล่าว
สำหรับบรรยากาศในพื้นที่บ้านห้วยน้ำราก หมู่ 5 ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย นายทิ คิดข้างบน เจ้าของที่นาข้าวที่ชาวบ้านพบสิ่งประหลาด กล่าวว่า วันนี้มีคนมาชมพื้นที่ในตอนเช้าและตอนบ่าย โดยมีครูนำนักเรียนบางสถาบันมาดูด้วย หลังจากมีข่าวเรื่องพบมนุษย์ต่างดาว มีผู้สนใจมาก
อย่างไรก็ตาม หลังจากเช้าวันที่ 31 สิงหาคม 2548 แล้วก็ไม่มีใครพบมนุษย์ต่างดาวอีกเลย ซึ่งตนคิดจะปรับพื้นที่บริเวณใกล้เคียงเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วย
----------------------------------------------------------
มนุษย์ต่างดาวจากดาวอังคาร และดาวศุกร์ จะบุกโลกในปี พ.ศ.2565
--------------------------------------------------------------------------------
เพิ่งไปค้นเจอมา เป็นคำบอกเล่าของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
เมื่อวันที่ 27-29 มิถุนายน 2540 บริษัทเดอะสแตลเลี่ยน อินโฟมีเด๊ย จำกัด ผู้ผลิตรายการ"เรื่องจริงที่เหลือเชื่อ" ซึ่งออกอากาศทุกคืนวันจันทร์เวลา 23.20 น. ร่วมกับห้างสรรสินค้าเดอะมอลล์และ ITV จัดงานสัมมนาครั้งแรกของประเทศไทยในหัวเรื่อง"มนุษย์ต่างดาว" ณ ห้อง Convention Center เดอะมอลล์บางกะปิ โดยงานจะแบ่งเป็นส่วนคือส่วนของนิทรรศการและ สมมนามนุษย์ต่างดาว
การสัมมนาจัดขึ้นในวันที่ 29 มิถุนายน เริ่มงานเวลา 13.00 น. โดยมีนายปราโมทย์ ตรีวัฒนานนท์ เจ้าของรายการเป็นพิธีกร การสัมมนาครั้งนี้มีการฉาย VTR แสดงหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว จากทั่วทุกมุมโลก ฟิล์มการผ่าตัดศพมนุษย์ต่างดาว พร้อมเจาะลึกทุกปัญหาที่เกี่ยวข้องจากนักวิชาการผู้ทรง คุณวุฒิ 6 ท่านสลับกับการให้ผู้ชมได้ซักถามข้อสงสัยการแสดงความคิดเห็นหรือเล่าประสบการณ์ที่เค
ยพบเห็น จานบินจนกระทั่งปิดการสัมมนาเวลาประมาณ 19.00 น.
ข้อมูลจากการสัมมานาครั้งนี้มีผู้ทรงคุณวุฒิในวงการวิทยาศาสตร์ได้แสดงความคิดเห็นเก
ี่ยวกับเรื่องมนุยษ์ต่างดาว ให้ผู้สนใจจำนวนมากฟัง
ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา กล่าวตอนหนึ่งว่า 14 ครั้งที่ผมเคยเห็นจานบินมีลักษณะแตกต่างกันไปบ้างมีอยู่ครั้งเดียวที่เห็นเป็นจานกลม
ๆ ที่สวิตเซอร์แลนด์นอกนั้นจะอยู่ไกลซึ่งมองเห็นไม่ชัดด้วยตาเปล่า ยกเว้นที่จังหวัดขอนแก่น ผมเห็นลักษณะเหมือนไข่สีส้มๆมีแสงสว่างของมันเอง วิ่งไปช้าๆ แต่ที่แปลกก็คือ มันมีแสงสว่างเล็กๆ 5 ดวงวิ่งไปวิ่งมารอบๆรูปไข่ที่กำลังวิ่งไป แสงนั้นเป็นแสงสีขาวๆเหลือง ๆ ไม่เหมือนยานแม่รูปไข่ นอกนั้นผมจะเห็นแสงสว่างเหมือนดาวมากกว่า คือเล็กมาก วิ่งในลักษณะไม่เหมือนกับดาว เพราะวิ่งมาด้วยความเร็วสูงแล้วก็เปลี่ยนทิศทางเป็นมุมฉาก 90 องศา โดยไม่มีการโค้งหรือช้าลงเลย
ผมฝึกสมาธิ 40 กว่าปีแล้ว ทุกครั้งผมเห็นจากบินผมจะรู้สึกมีความสงบ ความสุข ไม่ได้เกิดความวิตกกังวลความกลัวเลย มันมีพลังบางอย่างที่ผมเชื่อว่าดี
ผมจะชี้แจงว่าทำไมเขาถึงมาโลกนี้ เขากำลังจะมาบุกโลกอีก 25 ปี เขาจำเป็นต้องมาสำรวจแผนที่ในโลกนี้ว่า มีกองทัพอยู่ที่ไหน อะไรต่างๆ และเขาถึงกับวางแผนว่า มนุษย์ดาวอังคารจะบุกมาแถบเอเชีย ส่วนดาวศุกร์จะไปแถบอเมริกาและยุโรป ที่เขาจำเป็นต้องรอถึง 25 ปีเพราะขณะนี้เขายังไม่พร้อมเขาจะบุกเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น
รศ.ดร. พิชัยกล่าวว่ามนุษย์ต่างดาวมีจิตวิญญาณค่อนข้างสูง โดยปกติแล้วเขาจะไม่รุกรานใคร แต่ใครอย่ามารุกรานเขา
การที่จะติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมีอยู่ทางเดียวเท่านั้นคือ ทางจิตวิญญาณและจะต้องเป็นผู้ที่มีพลังจิตสูงและข้อมูลที่ได้รับมาอาจจะแตกต่างกัน การที่เราได้ข้อมูลมากแค่ไหนก็อยู่ที่พลังจิตของผู้นั้นว่า ส่งจิตวิญญาณไปถึงเขาและเขาจะต้อนรับอย่างไร
ที่มา [You must be registered and logged in to see this link.]
ดร.เทพนม เชื่อมนุษย์ต่างดาวมีอยู่จริง และคงไม่มีใครฉวยสร้างสถานการณ์ ย้ำ การมาที่ อ.แม่จัน ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ล่าสุดถึงกับลงมาดูมนุษย์ตีกอล์ฟ ด้านหมอประสานเชื่อมีโลกคู่ขนานอยู่ใกล้ชิดกับโลก มนุษย์ต่างดาวอาจทำลายมิติมาโพล่ที่เชียงราย ขณะที่ราชบัณฑิตด้านวิทยาศาสตร์แนะควรดูให้ละเอียดก่อนเพราะอาจจะเป็นสิ่งที่ชาวบ้าน
ทำขึ้นก็ได้
จากกรณีที่ชาวบ้านหมู่ 5 บ้านห้วยน้ำราก ต.จันจว้า อ.แม่จัน จำนวนกว่า 10 คน อ้างว่าพบเห็นมนุษย์ประหลาด ที่มีลักษณะรูปร่างคล้ายมนุษย์ต่างดาวที่บริเวณทุ่งนาใกล้ลำเหมืองกลางหมู่บ้าน เมื่อเช้าตรู่วันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมาจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางนั้น
ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ประธานอำนวยการฝ่ายสถาบันวิทยาศาสตร์ทางจิต ผู้ที่ศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว และ”ยูเอฟโอ” มากว่า 10 ปี ได้แสดงความคิดเห็นว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวน่าจะมาที่ อ.แม่จัน จริง เพราะภายหลังจากทราบเรื่องก็ได้ส่งผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวไปตรวจสอบพื้นท
ี่ และพูดคุยกับชาวบ้าน
"จนได้ข้อมูลว่า เมื่อเวลาประมาณ 06.30น. ขณะที่ชาวบ้านประมาณ 15 คน กำลังจะออกไปทำนา ก็เห็นมนุษย์รูปร่างประหลาด ผิวสีเหลือง ดวงตาโตลักษณะวงรี ศีรษะลักษณะคล้ายหลอดไฟนีออน และลำตัวเล็ก แต่ชาวบ้านไม่ได้สังเกตลักษณะมือ และเท้าว่ามีกี่นิ้ว โดยมนุษย์ประหลาดได้ปรากฏตัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยืดลำตัวยาวสูงเท่าต้นมะขวิด ก่อนจะลอยขึ้นไปบนฟ้าและหายไป" ดร.เทพนมผู้คร่ำหวอดในการตามหาและสัมผัสกับมนุษย์ต่างดาวของประเทศไทยอธิบาย
ศ.ดร.นพ.เทพนม กล่าวต่อว่ากรณีที่เกิดขึ้นที่ อ.แม่จัน ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้มีผู้พบเห็นมนุษย์ต่างดาวและยูเอฟโออยู่หลายครั้ง สำหรับเขาได้มีโอกาสเห็นยานมนุษย์ต่างดาว และมีรูปที่ถ่ายเก็บไว้ได้ประมาณ 200 รูป อีกทั้งมีชาวต่างชาติที่สนใจติดต่อขอซื้อภาพดังกล่าวอยู่หลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดขณะที่ตนกำลังตีกอล์ฟ มนุษย์ต่างดาวก็ได้ลงมาดู โดยยืนห่างจากเขาประมาณ 100 เมตรก่อนจะหายตัวไป
“เหตุที่มนุษย์ต่างดาวไม่กลัวคน เชื่อว่าเขาคงมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่ามนุษย์ในการป้องกันตัว จึงไม่เกิดความกลัว และคิดว่าคงไม่มีใครมาสร้างสถานการณ์ เพราะไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร เรื่องนี้จึงมีความน่าสนใจ โดยเฉพาะต่างประเทศได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้มาก” ประธานอำนวยการฝ่ายสถาบันวิทยาศาสตร์ทางจิต กล่าว
ด้าน ศ.นพ.ประสาน ต่างใจ นักวิชาการอาวุโส ซึ่งศึกษาทางด้านมิติคู่ขนาน ให้ความเห็นว่าเป็นไปได้ที่จะเป็นมนุษย์ต่างดาวจริง แต่ก็ไม่ยืนยันว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวเต็มร้อยเพียงแต่มีโอกาสเป็นไปได้ เพราะในจักรวาลนั้นมีมิติที่ซับซ้อน มีโลกคู่ขนานที่อาจจะอยู่ห่างจากโลกเราเพียงไม่กี่มิลลิเมตรเพียงแต่เราไม่สามารถรับ
รู้ได้ เพราะว่าเราชินในการรับรู้สิ่งที่สื่อกันด้วยความถี่คลื่นของแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น เสียง แสง คลื่นวิทยุต่างๆ ในโลก 4 มิติของเรา ซึ่งโลกที่มีมิติมากกว่าอาจจะสื่อกันด้วยสิ่งอื่น ดังนั้นการมาให้เห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจเป็นไปได้ว่ามนุษย์ต่างดาวในโลกที่มีมิติม
ากกว่า เช่น 6 มิติ อาจจะทำลายมิติลงเพื่อมาปรากฏให้เราเห็นก็ได้
ทั้งนี้ “หมอประสาน” เชื่อว่าสิ่งที่อยู่ในโลกที่มิติมากกว่าจะสามารถทำลายมิติเพื่อมาปรากฏในมิติที่ต่ำก
ว่าได้ พร้อมทั้งยกตัวอย่างว่าหนังสือ “โลกคู่ขนาน” (Parallel World) ของ ดร.มิชิโอะ กากุ (Dr. Michio Kaku) นักฟิสิกส์จากซิตียูนิเวอร์สซิตีออฟนิวยอร์ก (City University of New York) ได้อธิบายถึงการมีอยู่จริงของโลกคู่ขนานด้วยทฤษฎีที่มีข้อสมมติฐานทางคณิตศาสตร์ที่ส
มบูรณ์ อีกทั้งลักษณะของมนุษย์ต่างดาวที่ชาวบ้านบอกเล่าก็คล้ายๆ กับมนุษย์ต่างดาวที่เชื่อว่ามีอยู่จริงคือหัวโต สีเหลืองๆ เขียว เกือบเทา ขาลีบ ปากเล็ก ตาโตและสูงประมาณ 3 ฟุตซึ่งก็ใกล้เคียงกับคำบอกเล่า
ขณะเดียวกันนายนิพนธ์ ทรายเพชร ราชบัณฑิตสาขาดาราศาสตร์ให้ความเห็นว่าอย่าเพิ่งไปเชื่อว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว ควรดูให้ละเอียดก่อนเพราะอาจจะเป็นสิ่งที่ชาวบ้านทำขึ้นก็ได้ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ก็มีสามารถทำให้มีขึ้นได้ซึ่งก็ไม่ใช่ของแปลก อย่างภาพถ่ายที่อ้างว่าเป็นยูเอฟโอเมื่อพิสูจน์แล้วก็พบว่าเป็นภาพที่แต่งขึ้น อีกทั้งหากเป็นมนุษย์มนุษย์ต่างดาวจริงๆ ก็ควรจะเดินทางด้วยยานอวกาศ เพราะในทางฟิสิกส์แล้วไม่สามารถเดินทางโดยไม่มียานได้ และถ้าหากมาจริงโดยไม่มียานก็อาจจะเป็นวิญญาณซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
--------------------------------
เชียงราย - ชาว อ.แม่จัน ตื่นพบตัวประหลาดลอยขึ้นฟ้าริมทุ่งนา เชื่อเป็นมนุษย์ต่างดาว แห่ไปดูร่องรอยกันไม่ขาดสาย ด้านนายอำเภอยังงงๆ ระบุชาวบ้านยืนยันหลายคน แต่ชี้ชัดไม่ได้ว่าคืออะไร หลักฐานมีแต่ภาพสเก็ตช์ ส่วนตำรวจก็ยังไม่พบหลักฐานใดที่เชื่อว่ามีเหตุประหลาด
สืบเนื่องจากมีข่าวลือว่ามีชาวบ้านเห็นมนุษย์ต่างดาวนั้น ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านห้วยน้ำราก หมู่ 5 ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 9 กันยายน 48 ที่ผ่านมา พบว่าแต่ละวันมีชาวบ้านกว่า 100 คนมาจับกลุ่มชุมนุมกันที่ริมนาข้าวเพื่อเล่าถึงเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น
พื้นที่เกิดเหตุมีทุ่งนากว้างใหญ่ มีการปลูกข้าวต้นสีเขียวขจี จุดที่ชาวบ้านอ้างว่าพบเหตุประหลาดเป็นทุ่งนาของนายทิ คิดข้างบน อายุ 69 ปี ซึ่งชาวบ้านหลายคนได้เล่าว่า เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 48 เวลาราว 06.30 น. ได้เห็นตัวประหลาด รูปร่างคล้ายตุ๊กตาขนาดสูงราว 1 เมตร ลำตัวสีเหลืองอ่อน มีดวงตา และหูใหญ่ ขาเล็กลีบ ซึ่งตอนแรกชาวบ้านหลายคน คิดว่าเป็นหุ่นไล่กา
ต่อมาราว 10.00 น.วันเดียวกัน พบว่าตัวประหลาดดังกล่าวได้ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ คล้ายมีพลังทำให้ลอยขึ้นเองแล้วหายไป ทำให้ชาวบ้านที่พบเห็นต่างตื่นตระหนก แล้วจับกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจเป็นมนุษย์ต่างดาวเหมือนในภาพยนตร์ฮอลลีวูดก็เป
็นได้ แต่เนื่องจากชาวบ้านไม่มีกล้องบันทึกภาพไว้จึงไม่มีหลักฐานยืนยัน มีแต่ภาพสเก็ตช์ที่ชาวบ้านวาดให้ดู ลักษณะเป็นรูปร่างคล้ายตัวการ์ตูน บางคนบอกว่าคล้ายการ์ตูนผีน้อยแคสเปอร์
นายแสวง บุญราชศักดิ์ อายุ 51 ปี ชาวบ้าน ในพื้นที่เล่าว่า ตนไม่ได้เมาหรือเสพยาเสพติด และเห็นด้วยตาจริงๆว่า ในตอนเช้าวันนั้น มีตัวประหลาดคล้ายหุ่นไล่กา จึงไม่มีคนสนใจ กระทั่งมีนายคำมาเล่าว่า วัตถุนี้ลอยหายไปแล้ว จึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
นายคำมา ปินทรายมูล อายุ 56 ปี เล่าว่า ตอนแรกตนก็นึกว่าเป็นแค่หุ่น ที่นายทิ เจ้าของนาผูกไว้ไล่เป็ด แต่พอดูนานๆ เข้า พวกตนจึงมั่นใจว่าไม่ใช่ เพราะมันเคลื่อนย้ายไปมาได้ ตนจึงเฝ้าสังเกต จนกระทั่งเวลาประมาณ 10.30 น. หุ่นได้เปลี่ยนรูปร่างยืดตัวออกยาวขึ้น แล้วลอยขึ้นสูงกว่าเสาไฟฟ้า แล้วลอยขึ้นหายไปในท้องฟ้าเหมือนจรวดพุ่งไป
ส่วนนางบัวผัน ลาวิชัย เป็นผู้พบเห็นในตอนเช้าประมาณ 6.30 น. ของวันที่ 31 สิงหาคม 48 สังเกตเห็นเป็นลักษณะหัวกลมโตเหมือนหลอดไฟ ตาสีแดง ผิวเป็นสีเหลืองอ่อน ลอยอยู่เหนือต้นข้าว ในลักษณะ โงนเงนไปมาเหมือนกับคนไม่มีแรง
ด้านนายวิศิษฐ์ สิทธิสมบัติ นายอำเภอแม่จัน กล่าวภายหลังไปดูที่เกิดเหตุ แล้วว่า เรื่องนี้ไม่แน่ชัดว่าสิ่งที่ชาวบ้านเห็นเป็นอะไร แต่เนื่องจากมีการยืนยันหลายคน และน่าจะไม่ใช่การโกหก จึงได้หาทางตรวจสอบเพราะแต่ละวันมีประชาชนและสื่อมวลชนที่เริ่มทราบข่าวเข้ามาดู ซึ่งยังไม่ยืนยันว่าเป็นอะไร
ขณะที่พ.ต.อ.กิตติสินธุ์ คงทวีพันธ์ ผกก.สภ.อ.แม่จัน จ.เชียงราย กล่าวว่า ไม่มีหลักฐานว่า สิ่งที่ชาวบ้านพบเป็นอะไร หรือมนุษย์ต่างดาว ตามที่ชาวบ้านอ้าง เพราะไปดูแล้วไม่มีร่องรอยการเหยียบย่ำต้นข้าว หรือ มีหลักฐานหลงเหลือที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ส่งเจ้าหน้าที่ไปสังเกตการณ์ เพราะมีประชาชนไปดูพื้นที่บริเวณนี้จำนวนมาก
---------------------------------------
ดร.เทพนมออกย้ำอีกครั้งว่า “มนุษย์ต่างดาวมีจริง” ในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติครั้งที่ 9 ทำได้โดยติดต่อผ่านโทรจิตหรือการทำสมาธิ พร้อมกับเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้พบเจอกับมนุษย์ต่างดาว ไม่ว่าจะเป็นกับตัวเองและคนรอบข้าง
มหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ ครั้งที่ 9 ในหัวข้อ “วิทยาศาสตร์ทางจิตเพื่อสุขภาพ และการแพทย์ทางเลือก” ณ ดีทรอยต์ มอเตอร์เวิลด์ ได้เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่วานนี้ (3 ธ.ค.) โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการฝึกจิต เพื่อสุขภาพ คุณภาพชีวิตและคุณธรรม อีกทั้งเป็นการรวบรวม วิเคราะห์ วิจัยความรู้ ปรากฏการณ์ทางจิตให้ปรากฏชัดว่าเป็นวิทยาศาสตร์ทางจิต
ในวันแรกของการเปิดงาน ช่วงบ่าย ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ประธานอำนวยการฝ่ายสถาบันวิทยาศาสตร์ทางจิต ผู้ที่ศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับ “มนุษย์ต่างดาว” และ “ยูเอฟโอ” มากว่า 10 ปีได้ขึ้นบรรยายเรื่อง “โทรจิตติดต่อมนุษย์ต่างดาว” โดยเปิดเผยว่า มีการศึกษามนุษย์ต่างดาวกันอย่างกว้างขวางในต่างประเทศ โดยมีภาพถ่ายเป็นหลักฐานการพบเห็น ซึ่งการติดต่อมนุษย์ต่างดาวนั้น ต้องกระทำด้วยการทำสมาธิทางจิต ต้องทำจิตให้สงบแล้วจะสามารถเห็นได้
แจงลักษณะมนุษย์ต่างดาว พร้อมเผยประสบการณ์ส่วนตัว
”นึกถึงเขาให้มาปรากฏ แต่ทุกครั้งที่ทำต้องเตรียมกล้องไว้ข้างกายเสมอเพราะต้องมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืน
ยันเป็นข้อมูล เหมือนกับว่าหากเราเห็นแล้วคนอื่นก็ต้องเห็นด้วย” ดร.เทพนมเผย พร้อมทั้งแจกแจงว่า ในต่างประเทศได้แบ่งมนุษย์ต่างดาวไว้เป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ 1.หน้าตาเหมือนมนุษย์ 2. มีลักษณะคล้ายมนุษย์แต่มีผิวหนังเป็นสีเทา 3.มีลักษณะคล้ายสัตว์ 4. มีลักษณะคล้ายหุ่นยนต์ 5. รูปร่างประหลาด 6. มีลักษณะคล้ายผี
ทั้งนี้ ดร.เทพนม ยังเล่าถึงประสบการณ์การพบมนุษย์ต่างดาวที่เกี่ยวกับครอบครัวของเขาว่า ลูกชายตัวเองแต่งงานมา 9 ปี แต่ไม่มีลูก ดร.เทพนมจึงขอกับมนุษย์ต่างดาว ซึ่งในการข้อครั้งนั้นมีข้อแม้ว่าต้องพาลูกชายและลูกสะใภ้ไปบอสตัน และเมื่อไปถึง เย็นนั้นเองจานบินก็มาหาที่ริมทะเล ถัดจากนั้นอีก 2-3 อาทิตย์ต่อมาลูกสะใภ้ของ ดร.เทพนมก็ตั้งครรภ์
บรรยากาศในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ ครั้งที่ 9 มีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
”หลังจากคลอดแล้วหลานคนนี้ก็สามารถเข้าใจในสิ่งที่พูดทางจิตด้วยการส่งสัญญาณมือ และเมื่อหลานอายุได้ 3 เดือนก็นั่งสมาธิได้หลังจากได้บอกทางจิตให้ลองนั่ง ครั้งหนึ่งมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นระหว่างที่คุยกับหลานทางอินเทอร์เน็ต ก็มีมือที่มี 3 นิ้วโผล่ขึ้นมาด้านหลังโบกไปมา ต่อมาจึงปรากฏหน้าให้เห็นมีลักษณะคล้ายหญิงชราเอามือตบหัวหลานเหมือนกับว่าคอยดูแลคุ
้มครอง” ดร.เทพนมเล่า ประสบการณ์ตรงจากการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว
โทรจิตติดต่อมนุษย์ต่างโลก จากดาว "เวก้า"
อีกทั้ง เขายังเล่าถึงประสบการณ์จากผู้อื่นว่า มีการติดต่อมนุษย์ต่างดาวทางสมาธิเมื่อปี 2546 โดยเป็นผู้หญิงเจ้าของบริษัทไฟฟ้ามาเล่าให้ฟังว่ามีประสบการณ์ประหลาด ตอนกลางคืนมีผู้ชายหน้าตาดี แต่งกายเหมือนท่านเคาท์แดรกคิวลามาหา ซึ่งผู้ชายคนนั้นบอกว่าตามหาหญิงเจ้าของบริษัทผู้นี้มานาน เนื่องจากเป็นภรรยาที่เสียชีวิตไปและต้องการให้กลับไปอยู่กินด้วยกันเหมือนเดิม
”ผมจึงติดต่อด้วยสมาธิ และมนุษย์ต่างดาวผู้นี้บอกว่าชื่อ “บีอี” มาจากดาวชื่อเหมือนมิสยูนิเวิร์สปี 46 ที่ชื่อ“เวก้า” และจะมาปรากฏให้เห็นในตอนเย็นเป็นยานทรงกระบอกสีแดงในวันที่ 25 ธ.ค. อีกทั้งยังฝากบอกไปถึงภรรยาเก่าด้วยว่าหากมีปัญหาเดือดร้อนให้นึกถึงเขาจะมาหาทันที และปีที่แล้วในขณะที่ธุรกิจเกี่ยวกับไฟฟ้าของหญิงผู้นี้ประสบปัญหาจะล้มละลาย บ้านจะโดนยึดและมีปัญหาเรื่องลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ หญิงผู้นี้ก็นึกถึงมนุษย์ต่างดาวบีอีขอให้ช่วย หลังจากนั้นไม่กี่วันเงินที่ถูกเพื่อนโกงก็ได้คืน กองบังคับคดีที่มีหน้าที่ยึดบ้านก็ไม่ยึด บุตรก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้” ดร.เทพนมเล่า
5,000 ปีที่แล้วมนุษย์ต่างดาวเคยเยือนไทย
”เมื่อคราวที่ต้องผ่าตัดหลังที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธปีที่แล้ว มนุษย์ต่างดาวบอกให้เอากล้องถ่ายที่หน้าต่างจานบินก็มา อีกทั้งมนุษย์ต่างดาวก็บอกว่าไม่ต้องกลัว
มนุษย์ต่างดาว 5 ประเภท
ดร. เจ อัลเลน ไฮเนค ได้แบ่งการมาเยือนของมนุษย์ต่างดาวออกเป็น 5 ประเภท
1. UFO ที่ปรากฏในระยะ 150 หลา
2. เป็น UFO ที่ทิ้งร่องรอยการเยือนเอาไว้ เช่น รอยไหม้เกรียมบนพื้นดิน หรือชิ้นส่วนมนุษย์ต่างดาว
3. เรื่องการผู้พบเห็นมนุษย์ต่างดาว
4. เกี่ยวกับการลักพาตัวของมนุษย์ต่างดาว
5. การสื่อสารระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ต่างดาว
การพบ UFO การเห็นครั้งแรก เป็นเพียงแสงบนท้องฟ้าเท่านั้น บางกรณีรวมไปถึงดาวแห่ง เบธเลเฮม ว่าเป็นดาวดวงหนึ่ง หรือเป็น UFO นอกจากนี้ยังมีเรื่อง “แสงลับบ็อค” ซึ่งเป็นแสงประหลาด มีพยานเป็นร้อย ๆ คนรายงานถึงการเห็นแสงนี้เหนือเมืองลับบ็อค มลรัฐเท็กซัส ในทศวรรษที่ 1950
รวมถึงเรื่องลึกลับในพื้นที่ 51 (แอเรีย 51) แสงประหลาดจำนวนมากมาย ปรากฏบนท้องฟ้า รอบ ๆ ฐานทัพอากาศ เกิดในทะเลทรายเนวาดา
บ๊อบ ลาซาร์ อ้างว่า เขาเคยทำงานในฐานทัพลับสุดยอดแห่งนี้ เขาบอกว่า แสงประหลาดเหล่านั้น มันเป็นยาน UFO ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุด เขาบอกเรื่องนี้แต่เพียงคนเดียว ทำให้เขาท้อ ทั้งยังโดนเจ้าหน้ารัฐบาลพยายามฆ่าปิดปาก เพราะไม่พอใจ ที่เขาเปิดเผยความลับเรื่อง พื้นที่ 51
รัสเซีย ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ของโมจิกา เป็นสถานที่ปรากฏการณ์ ประหลาดเกิดขึ้นหลายครั้ง มีการเห็นลูกไฟบ่อย ๆ และถูกอ้างว่า UFO ลงมาจอด
ภาพยนตร์ผ่าศพมนุษย์ต่างดาว เรื่องราวที่ยังคงเป็นปริศนา
ย้อนกลับไปประมาณ 50 ปี วันที่ 4 กรกฎาคม 1974 ที่รอสเวลล์ ชาวนาคนหนึ่งไปพบวัตถุประหลาดตกลงจากท้องฟ้า เป็นเศษโลหะที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่คล้ายภาพเฮียโรกราฟิกของอียิปต์โบราณ กองทัพเรือสหรัฐทราบ จึงเก็บหลักฐานไปหมด ร่องรอยการระเบิดขนาดใหญ่ มี 3 ศพ มีรอดชีวิตเพียง 1 คน จึงนำศพไปผ่าพิสูจน์
มนุษย์ที่พบนั้น สูงประมาณ 3-4 ฟุต ตาโต หัวโต และถูกถ่ายไว้ ตลอดการถ่ายผ่าศพ และแอบเก็บไว้อีก 1 ชุด ในภาพยนตร์ดังกล่าว จะเห็นหมอผ่าตัด 2 คน ใส่ชุดป้องกันกัมมันตรังสี เมื่อผ่าสมอง ก็พบว่า มีสมองเพียงลูกเดียว ตา 2 ข้างโตผิดปกติ หูเล็ก อวัยวะภายในไม่ค่อยเหมือนมนุษย์ สีเลือดเป็นสีเหลืองน้ำตาล นิ้วมือข้างละ 6 นิ้ว
จากการตรวจสอบฟิล์มภาพยนตร์ 16 ม.ม หลายฝ่าย พบว่า เป็นฟิล์มที่ผลิตในปี 1947 จริง และการผ่าตัดต่าง ๆ ยืนยัน ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ไม่ใช่การสร้างหุ่นจำลอง ทำให้ภาพยนตร์ชุดนี้ เป็นที่สนใจและนำมาศึกษาเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวอย่างต่อเนื่องตลอดมา
แต่มีนักวิชาการวิเคราะห์ออกมาว่า ลักษณะวิธีผ่าตัดน่าจะเป็นแพทย์ชาวอังกฤษ มากว่าอเมริกัน จึงกลายเป็นเรื่องถกเถียงกัน
จานบิน UFO ที่มีผู้พบเห็น แบ่งออกเป็นลักษณะต่าง ๆ
1. Noctunal Light-NL คือปรากฏการณ์ของแสง ที่พบเห็นในเวลากลางคืน แต่ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นแสงจากดาว เครื่องบิน หรือบางสิ่งที่คล้ายกับการปรากฏตัว รูปแบบและจำนวนไม่แน่นอน การเคลื่อนที่รวดเร็ว
2. Daylight Disc-DD คือวัตถุกลมแบนมองเห็นเวลากลางวัน อาจมีรูปอื่น เช่น ทรงกลม รี รูปไข่ ปรากฏหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่จะเป็นรูปจาน มีสีน้ำเงิน เคลื่อนที่เร็วมาก แต่เงียบ ไม่เกิด โซนิกบูม
3. Radar Visuals-RV มองเห็นด้วยตาเปล่า และจากจอเรดาร์ ปรากฏตัวไม่แน่นอน ลอยตัวในอากาศระดับหนึ่งแล้วเพิ่มความเร็วที่ไม่แน่นอน มีการเลี้ยวกลับในมุมที่แคบมาก
4. Close Encounter of the First Kind-CE-1 คือ เห็นจานบินระยะใกล้ ไม่เกิน 500 ฟุต มีรูปร่างหลายแบบ ส่วนใหญ่ รูปจาน รูปไข่ หรือคล้ายฟุตบอล บางครั้งรูปโดม ลอยตัวนิ่ง ๆ เมื่อเคลื่อนที่จะไปเร็วมาก บางครั้งจะมีการหมุนตัว
5. Close Encounter fo the Second Kind-CE-2 คือ คล้ายกับแบบที่ 3 แต่ชัดเจนกว่า ส่วนใหญ่เมื่อปรากฏตัวจะรบกวนต่อระบบไฟฟ้า และแสงสว่าง มีส่วนยื่นจากตัวยาน เช่น โดมหรือขาหยั่ง เคลื่อนที่ในแนวดิ่ง
6. Close Encounter fo the Third Kind-CE-3 คือ CE-1 และ CE-2 มีผู้พบเห็นในลักษณะนี้กว่า 1,200 ราย ทั่วโลก รูปร่างหลายแบบเชื่อได้ค่อนข้างแน่นอน เป็นจานบินจริง บางครั้งผู้ขับขี่ออกมานอกยาน ปรากฏตัวให้เห็นเต็มตา
EPISODE I ร่องรอยการมาเยือนครั้งที่ 1
ปรากฏการณ์ไฟประหลาดบนท้องฟ้า
ดาวตกไซบีเรีย ได้ถูกบันทักภายใต้ชื่อ “CE1” มีพยานได้เล่าถึงดาวตกสีน้ำเงิน เสียงที่ได้ยินคล้ายระเบิด เหตุการณ์ที่ตามมาเป็นความเสียหายที่ลุกลามไปทั่ว
เหตุการณ์ประหลาดนี้เกิดขึ้นในเช้าวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2451 เวลาประมาณ 07.00 น. ขณะผู้โดยสารรถด่วนสาย ทรานไซบีเรีย พากันประหลาดใจที่ได้เป็นพยานในปรากฏการณ์ “ดาวตกดวงใหญ่แห่งไซบีเรีย” ตู้รถไฟโยกไปมาอย่างรุนแรงเมื่อลูกไฟสีฟ้าลอยอยู่เหนือตู้โดยสารขณะที่พนักงานขับรถไ
ฟคิดว่ารถไฟของเขาระเบิด เหตุการณ์นี้ ถูกบันทึกว่าเป็นลูกไฟที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
ราว 07.15 น. ลูกไฟมาถึงย่านการค้าของ “วานาวาร่า” เอส.บี. ซีมีนาว ชาวนาท้องถิ่นกำลังนั่งอยู่ที่ระเบียงบ้าน เมื่อมีวัตถุบินผ่านหัว ซีมีนาว รู้สึกว่าเสื้อเชิร์ต ตรงแผ่นหลังลุกติดไฟ ขณะที่ โคซา โลปอฟ (เพื่อนบ้าน) กุมหูด้วยความเจ็บปวด พยายามระงับความรู้สึกในหูที่ร้อนราวถูกเผา นอกจากนี้ยังมีชาวมองโกเลียเผ่า ทังกัส ซึ่งตั้งรกรากอยู่รอบ ๆ แม่น้ำทังกัสก้า เป็นพยานถึงการตกนี้ด้วย ก็พบดาวตกดวงใหญ่ลอยเป็นทาง ทิ้งควันเป็นหางและแสงไฟที่ยาวถึง 500 ไมล์
เลโอนิค คูลิค นักวิทยาศาสตร์ และนักทรัพยากรธรณี ผุ้ก่อตั้งวิทยาศาสตร์อุกกาบาตในรัสเซีย เชื่อว่าลูกไฟแท้จริงแล้วทังกัสคาคืออุกกาบาตเหล็กที่มีขนาดใหญ่กว่าลูกที่ทำให้เกิด
หลุมอุกกาบาต ริงเจอร์อันมีชื่อเสียงในแอริโซนา เมื่อประมาณ 25,000 ปีก่อน แม้จะใช้อุปกรณ์แม่เหล็กค้นหา และเจาะเป็นเวลาหลายปี คูลิค ก็ไม่สามารถตรวจจับโลหะในบริเวณ รอบ ๆ นั้นได้เลย เห็นได้ชัดว่าวัตถุลึกลับนั้นไม่ได้สัมผัสกับพื้นดินด้วยซ้ำ
เผ่าทังกัสได้รับผลกระทบจากการระเบิดของลูกไฟ นอกจากไฟป่าจะเผาผลาญเป็นเวลานานหลายอาทิตย์ ทำลายพั้นที่ 625 ตารางไมล์ พวกเขาต้องสูญเสียฝูงกวางเรนเดียร์ ไปหมด
ปรากฏการณ์ประหลาดกอร์แมน
ปรากฏแสงไฟหรือวัตถุลึกลับมาจา จ่า จอร์ช เอฟ. กอร์แมน แห่งกองทัพอากาศสหรัฐ เกิดขึ้นเมื่อ ฟาร์โกร รัฐ น็อธดาโกต้า วันที่ 1 ตุลาคม 2491 ใช้เวลา 27 นาที ขณะที่กอร์แมน บินกลับจากการบินข้ามประเทศด้วยเครื่องบินรบและตัดสินใจบินต่อ เพื่อตรวจตรายามค่ำคืน เขากำลังนำเครื่องลง เวลาประมาณ 21.00 น. ขณะนั้นเองเขาเห็นเครื่องบินเหนือท้องฟ้า อีกลำหนึ่ง จึงวิทยุบอกศูนย์ควบคุม ศูนย์ควบคุมยืนยันว่ามีเครื่องเพียงลำเดียวคือ ไพเพอร์คลับ ของเขาเท่านั้น เขาเตรียมลงจอด เขาก็เห็น ไฟประหลาดที่หางของเครื่องบินอีกลำ เขาพยายามติดต่อศูนย์ควบคุมอีกครั้ง แต่แจ้งว่า ไม่มีเครื่องบินอื่นเขาจึงตัดสินใจหาแสงลึกลับด้วยตัวเอง ทันทีที่เข้าใกล้ ระยะ 100 หลา เขาสังเกตพบว่ารูปร่างของวัตถุลึกลับทั้งสองนั้นยังคงเคลื่อนตามกัน จนกอร์แมน บินแยกออก และมีแสงไฟเหนือเพดานเครื่องบิน ประมาณ 500 ฟุต เขาบินตัดไปทางขวา แล้วแสงไฟนั้นก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว แต่นักสำรวจสรุปว่า เขา กำลังบินไล่บอลลูนพยากรณ์กรอากาศ ทำไมนักบินที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์อันโชกโชน จะเข้าใจผิดระหว่างวัตถุที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว กับบอลลูนที่ลอยไปอย่างช้า ๆ ข้อสงสัยนี้ยังคงเป็นที่กังขาอยู่.
---------------------------------------------------
“มนุษย์ต่างดาว” โผล่กลางทุ่งนาที่เชียงราย คนแตกตื่นไปดูกันเพียบ ปรากฏโฉมให้ชาวบ้านนับสิบคนเห็นเป็นชั่วโมง แล้วลอยวับหายไปในท้องฟ้า เผยรูปพรรณมนุษย์ประหลาดมีลักษณะคล้ายคนแคระ สูงประมาณ 70 ซม. ไม่สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ ไม่ระบุเพศ ผิวสีน้ำตาลเทา ศีรษะมนกลมโต หน้าอกแบนราบ ชาวบ้านที่เห็นกับตาแอ่นอกการันตีเรื่องนี้ไม่ได้โม้หรือเมาแต่อย่างใด
เรื่องราวความเร้นลับเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวที่มาเยือนโลกมนุษย์ ถูกเปิดเผยขึ้นอีกครั้งเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 8 ก.ย. สมาชิกเครือข่ายของสถานีวิทยุกรมประมงร่วมด้วยช่วยกัน อ.เมืองเชียงราย ที่ระบุชื่อว่านายกิตติเกษม รัตนโฆษะ อายุ 30 ปี ได้โทรศัพท์เข้ามาเล่าเรื่องราวความลี้ลับกับนางเรณู วงศ์สุวรรณ ดีเจรายการ "ท่องเที่ยวอย่างสุขใจไปกับททท." ว่านายมานพ ลาวิชัย อาชีพทำนาที่บ้านห้วยน้ำราก หมู่ 5 ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย ได้พบลูกไฟประหลาดลอยมาตกกลางทุ่งนาหลังบ้าน เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้สนใจอะไร เพราะคิดว่าเป็นปรากฏการณ์ดาวตกหรือผีพุ่งใต้
ต่อมาช่วงเช้าวันที่ 3 ก.ย. นายมานพเข้าไปดูนาข้าวตามปกติก็พบกับมนุษย์ประหลาด รูปร่างคล้ายคนแคระ สูงประมาณ 70 ซม. ไม่สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ ไม่ระบุเพศ ผิวสีน้ำตาลเทา ศีรษะมนกลมโต ตาโตสีน้ำตาลเป็นมันวาว ไม่มีจมูก ปากบางเล็ก หน้าอกแบนราบ ลักษณะร่างกายไม่กลมมนเหมือนกับมนุษย์ คือถ้ามองจากด้านข้างจะแบนราบ โดยขณะที่พบนั้นมนุษย์ประหลาดเดินวนไปวนมาเหมือนหาสิ่งของอะไรบางอย่าง และช่วงที่นายมานพยืนดูอยู่นั้น ได้มีชาวบ้านที่ออกมาเลี้ยงวัวและคนหาปลานับ 10 คน ต่างมารวมกลุ่มยืนจ้องดูมนุษย์ประหลาด ในระยะห่างประมาณ 10 เมตร พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานาว่า น่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวหรือไม่ก็พวกหุ่นยนต์
แม้จะตกเป็นเป้าสายตาของชาวบ้านนับสิบคู่ แต่มนุษย์ประหลาดไม่ได้รู้สึกหวั่นไหว และยังคงเดินวนไปมาตามปกติ แล้วหันมามองชาวบ้านด้วยแววตามันวาวเป็นระยะ ๆ ผ่านไป ประมาณหนึ่งชั่วโมง มนุษย์ประหลาดจึงค่อย ๆลอยตัวสูงขึ้นจากพื้นดินไปอยู่เหนือยอดไม้ประมาณ 10 เมตร จากนั้นก็หยุดแล้วหันหน้ามองลงมายังกลุ่มชาวบ้าน ก่อนจะพุ่งลิ่วขึ้นสู่ท้องฟ้าหายลับตาไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากปรากฏเป็นข่าวแพร่กระจายออกไป ได้มีชาวบ้านจำนวนมากพากันแตกตื่นเดินทางมาสำรวจบริเวณกลางทุ่งนาดังกล่าว และพยายามหาร่องรอยหลักฐานของมนุษย์ต่างดาว แต่ก็ไม่มีใครพบ
อย่างไรก็ตาม นายคำมา ปิ่นทรายมูล อายุ 57 ปี และนางบัวแก้ว จันต๊ะเวง อายุ 59 ปี ทั้งสองเป็นชาวบ้านในบ้านห้วยน้ำราก หมู่ 5 ต.จันจว้า ที่เห็นมนุษย์ประหลาดกับตาตัวเอง กล่าวยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ได้โม้หรือเมาแต่อย่างใด เพราะเห็นเหตุการณ์กันตอนเช้านานเป็นชั่วโมง และมีคนอื่น ๆ ทยอยออกมาดูกันเป็นสิบคน.
-----------------------------------------------------------
เชียงราย – “ดร.เทพนม เมืองแมน” ยันสิ่งที่ชาวบ้านห้วยน้ำราก อ.แม่จัน จ.เชียงราย พบไม่น่าจะเป็นแค่หุ่นอัดแก๊ส เพราะลอยมาแล้วลอยหายไปไหน พร้อมเตรียมพิสูจน์ภาพจานบิน หลังมีคนบันทึกได้ที่ อ.แม่จัน เมื่อ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา
สืบเนื่องจากมีข่าวลือว่ามีชาวบ้านเห็นมนุษย์ต่างดาว ที่บ้านห้วยน้ำราก หมู่ 5 ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย นั้น ล่าสุด ศ.ดร.น.พ.เทพนม เมืองแมน ประธานอำนวยการฝ่ายสถาบันวิทยาศาสตร์ทางจิต ผู้ที่ศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว และยูเอฟโอ มากว่า 10 ปี เปิดเผยว่า ตามที่นายทองม้วน โพธิชัยเลิศ สมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลป่าสัก (อบต.) ที่บ้านเลขที่ 96 บ้านดอยคำ ม.10 ต.ป่าสัก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ที่อยู่ห่างจากบ้านห้วยน้ำราก หมู่ 5 ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย จุดที่ชาวบ้านพบสิ่งแปลกประหลาดคล้ายมนุษย์ต่างดาว ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 6 กม. เปิดเผยพร้อมภาพสเกตช์ว่า หุ่นยางสีส้มปนเขียว สูงประมาณ 1 เมตร ที่ลอยได้ด้วยพลังจากแก๊สหายไปจากบ้านเนื่องจากพายุพัด และอาจเป็นหุ่นที่ชาวบ้านห้วยน้ำราก ต.จันจว้า อ.แม่จัน พบแล้วคิดว่าเป็นมนุยษ์ต่างดาวมาเยือน
ในส่วนของตนเองยังไม่เชื่อว่าสิ่งที่ชาวบ้านเห็นจะเป็นแค่หุ่น เนื่องจากได้มีการตรวจสอบจากคนรู้จักในพื้นที่ อ.แม่จัน พบว่าสิ่งที่ชาวบ้านเห็นน่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวมาเยือน นอกจากนี้ยังมีนักธุรกิจคนหนึ่งโทรศัพท์มาเล่าว่า เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2548 ได้ไปเล่นกอล์ฟที่บริเวณ อ.แม่จัน จ.เชียงราย แล้วพบว่ามีวัตถุบินได้คล้ายจานบินมาบินวนเวียนเหนือท้องฟ้า และได้ถ่ายภาพวิดีโอไว้ด้วย ซึ่งกำลังนำภาพวิดีโอมาให้ตนที่ กทม.ในวันนี้(15 กันยายน 2548)
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนได้ศึกษาเรื่องราวมนุษย์ต่างดาวมากมาย และพบว่ามีจริง โดยมีภาพถ่ายยืนยันด้วยว่ามีการพบในประเทศไทย แต่ในส่วนของ อ.แม่จันนั้นยังไม่ได้เข้าไปดูเพราะช่วงนี้ยังมีงานมาก แต่ได้ติดตามข่าวจากสื่อมวลชนตลอด
“ผมคิดว่าสิ่งที่ชาวบ้านเห็นไม่น่าจะเป็นแค่หุ่นที่อัดแก๊ส เพราะไม่น่าจะลอยมาได้ไกล 6 กม. และหลังจากลอยมาให้ชาวบ้านเห็นแล้วทำไมหายไป” ศ.ดร.น.พ.เทพนม เมืองแมน กล่าว
สำหรับบรรยากาศในพื้นที่บ้านห้วยน้ำราก หมู่ 5 ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย นายทิ คิดข้างบน เจ้าของที่นาข้าวที่ชาวบ้านพบสิ่งประหลาด กล่าวว่า วันนี้มีคนมาชมพื้นที่ในตอนเช้าและตอนบ่าย โดยมีครูนำนักเรียนบางสถาบันมาดูด้วย หลังจากมีข่าวเรื่องพบมนุษย์ต่างดาว มีผู้สนใจมาก
อย่างไรก็ตาม หลังจากเช้าวันที่ 31 สิงหาคม 2548 แล้วก็ไม่มีใครพบมนุษย์ต่างดาวอีกเลย ซึ่งตนคิดจะปรับพื้นที่บริเวณใกล้เคียงเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วย
----------------------------------------------------------
มนุษย์ต่างดาวจากดาวอังคาร และดาวศุกร์ จะบุกโลกในปี พ.ศ.2565
--------------------------------------------------------------------------------
เพิ่งไปค้นเจอมา เป็นคำบอกเล่าของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
เมื่อวันที่ 27-29 มิถุนายน 2540 บริษัทเดอะสแตลเลี่ยน อินโฟมีเด๊ย จำกัด ผู้ผลิตรายการ"เรื่องจริงที่เหลือเชื่อ" ซึ่งออกอากาศทุกคืนวันจันทร์เวลา 23.20 น. ร่วมกับห้างสรรสินค้าเดอะมอลล์และ ITV จัดงานสัมมนาครั้งแรกของประเทศไทยในหัวเรื่อง"มนุษย์ต่างดาว" ณ ห้อง Convention Center เดอะมอลล์บางกะปิ โดยงานจะแบ่งเป็นส่วนคือส่วนของนิทรรศการและ สมมนามนุษย์ต่างดาว
การสัมมนาจัดขึ้นในวันที่ 29 มิถุนายน เริ่มงานเวลา 13.00 น. โดยมีนายปราโมทย์ ตรีวัฒนานนท์ เจ้าของรายการเป็นพิธีกร การสัมมนาครั้งนี้มีการฉาย VTR แสดงหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว จากทั่วทุกมุมโลก ฟิล์มการผ่าตัดศพมนุษย์ต่างดาว พร้อมเจาะลึกทุกปัญหาที่เกี่ยวข้องจากนักวิชาการผู้ทรง คุณวุฒิ 6 ท่านสลับกับการให้ผู้ชมได้ซักถามข้อสงสัยการแสดงความคิดเห็นหรือเล่าประสบการณ์ที่เค
ยพบเห็น จานบินจนกระทั่งปิดการสัมมนาเวลาประมาณ 19.00 น.
ข้อมูลจากการสัมมานาครั้งนี้มีผู้ทรงคุณวุฒิในวงการวิทยาศาสตร์ได้แสดงความคิดเห็นเก
ี่ยวกับเรื่องมนุยษ์ต่างดาว ให้ผู้สนใจจำนวนมากฟัง
ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา กล่าวตอนหนึ่งว่า 14 ครั้งที่ผมเคยเห็นจานบินมีลักษณะแตกต่างกันไปบ้างมีอยู่ครั้งเดียวที่เห็นเป็นจานกลม
ๆ ที่สวิตเซอร์แลนด์นอกนั้นจะอยู่ไกลซึ่งมองเห็นไม่ชัดด้วยตาเปล่า ยกเว้นที่จังหวัดขอนแก่น ผมเห็นลักษณะเหมือนไข่สีส้มๆมีแสงสว่างของมันเอง วิ่งไปช้าๆ แต่ที่แปลกก็คือ มันมีแสงสว่างเล็กๆ 5 ดวงวิ่งไปวิ่งมารอบๆรูปไข่ที่กำลังวิ่งไป แสงนั้นเป็นแสงสีขาวๆเหลือง ๆ ไม่เหมือนยานแม่รูปไข่ นอกนั้นผมจะเห็นแสงสว่างเหมือนดาวมากกว่า คือเล็กมาก วิ่งในลักษณะไม่เหมือนกับดาว เพราะวิ่งมาด้วยความเร็วสูงแล้วก็เปลี่ยนทิศทางเป็นมุมฉาก 90 องศา โดยไม่มีการโค้งหรือช้าลงเลย
ผมฝึกสมาธิ 40 กว่าปีแล้ว ทุกครั้งผมเห็นจากบินผมจะรู้สึกมีความสงบ ความสุข ไม่ได้เกิดความวิตกกังวลความกลัวเลย มันมีพลังบางอย่างที่ผมเชื่อว่าดี
ผมจะชี้แจงว่าทำไมเขาถึงมาโลกนี้ เขากำลังจะมาบุกโลกอีก 25 ปี เขาจำเป็นต้องมาสำรวจแผนที่ในโลกนี้ว่า มีกองทัพอยู่ที่ไหน อะไรต่างๆ และเขาถึงกับวางแผนว่า มนุษย์ดาวอังคารจะบุกมาแถบเอเชีย ส่วนดาวศุกร์จะไปแถบอเมริกาและยุโรป ที่เขาจำเป็นต้องรอถึง 25 ปีเพราะขณะนี้เขายังไม่พร้อมเขาจะบุกเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น
รศ.ดร. พิชัยกล่าวว่ามนุษย์ต่างดาวมีจิตวิญญาณค่อนข้างสูง โดยปกติแล้วเขาจะไม่รุกรานใคร แต่ใครอย่ามารุกรานเขา
การที่จะติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมีอยู่ทางเดียวเท่านั้นคือ ทางจิตวิญญาณและจะต้องเป็นผู้ที่มีพลังจิตสูงและข้อมูลที่ได้รับมาอาจจะแตกต่างกัน การที่เราได้ข้อมูลมากแค่ไหนก็อยู่ที่พลังจิตของผู้นั้นว่า ส่งจิตวิญญาณไปถึงเขาและเขาจะต้อนรับอย่างไร
ที่มา [You must be registered and logged in to see this link.]
ดร.เทพนม เชื่อมนุษย์ต่างดาวมีอยู่จริง และคงไม่มีใครฉวยสร้างสถานการณ์ ย้ำ การมาที่ อ.แม่จัน ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ล่าสุดถึงกับลงมาดูมนุษย์ตีกอล์ฟ ด้านหมอประสานเชื่อมีโลกคู่ขนานอยู่ใกล้ชิดกับโลก มนุษย์ต่างดาวอาจทำลายมิติมาโพล่ที่เชียงราย ขณะที่ราชบัณฑิตด้านวิทยาศาสตร์แนะควรดูให้ละเอียดก่อนเพราะอาจจะเป็นสิ่งที่ชาวบ้าน
ทำขึ้นก็ได้
จากกรณีที่ชาวบ้านหมู่ 5 บ้านห้วยน้ำราก ต.จันจว้า อ.แม่จัน จำนวนกว่า 10 คน อ้างว่าพบเห็นมนุษย์ประหลาด ที่มีลักษณะรูปร่างคล้ายมนุษย์ต่างดาวที่บริเวณทุ่งนาใกล้ลำเหมืองกลางหมู่บ้าน เมื่อเช้าตรู่วันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมาจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางนั้น
ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ประธานอำนวยการฝ่ายสถาบันวิทยาศาสตร์ทางจิต ผู้ที่ศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว และ”ยูเอฟโอ” มากว่า 10 ปี ได้แสดงความคิดเห็นว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวน่าจะมาที่ อ.แม่จัน จริง เพราะภายหลังจากทราบเรื่องก็ได้ส่งผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวไปตรวจสอบพื้นท
ี่ และพูดคุยกับชาวบ้าน
"จนได้ข้อมูลว่า เมื่อเวลาประมาณ 06.30น. ขณะที่ชาวบ้านประมาณ 15 คน กำลังจะออกไปทำนา ก็เห็นมนุษย์รูปร่างประหลาด ผิวสีเหลือง ดวงตาโตลักษณะวงรี ศีรษะลักษณะคล้ายหลอดไฟนีออน และลำตัวเล็ก แต่ชาวบ้านไม่ได้สังเกตลักษณะมือ และเท้าว่ามีกี่นิ้ว โดยมนุษย์ประหลาดได้ปรากฏตัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยืดลำตัวยาวสูงเท่าต้นมะขวิด ก่อนจะลอยขึ้นไปบนฟ้าและหายไป" ดร.เทพนมผู้คร่ำหวอดในการตามหาและสัมผัสกับมนุษย์ต่างดาวของประเทศไทยอธิบาย
ศ.ดร.นพ.เทพนม กล่าวต่อว่ากรณีที่เกิดขึ้นที่ อ.แม่จัน ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้มีผู้พบเห็นมนุษย์ต่างดาวและยูเอฟโออยู่หลายครั้ง สำหรับเขาได้มีโอกาสเห็นยานมนุษย์ต่างดาว และมีรูปที่ถ่ายเก็บไว้ได้ประมาณ 200 รูป อีกทั้งมีชาวต่างชาติที่สนใจติดต่อขอซื้อภาพดังกล่าวอยู่หลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดขณะที่ตนกำลังตีกอล์ฟ มนุษย์ต่างดาวก็ได้ลงมาดู โดยยืนห่างจากเขาประมาณ 100 เมตรก่อนจะหายตัวไป
“เหตุที่มนุษย์ต่างดาวไม่กลัวคน เชื่อว่าเขาคงมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่ามนุษย์ในการป้องกันตัว จึงไม่เกิดความกลัว และคิดว่าคงไม่มีใครมาสร้างสถานการณ์ เพราะไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร เรื่องนี้จึงมีความน่าสนใจ โดยเฉพาะต่างประเทศได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้มาก” ประธานอำนวยการฝ่ายสถาบันวิทยาศาสตร์ทางจิต กล่าว
ด้าน ศ.นพ.ประสาน ต่างใจ นักวิชาการอาวุโส ซึ่งศึกษาทางด้านมิติคู่ขนาน ให้ความเห็นว่าเป็นไปได้ที่จะเป็นมนุษย์ต่างดาวจริง แต่ก็ไม่ยืนยันว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวเต็มร้อยเพียงแต่มีโอกาสเป็นไปได้ เพราะในจักรวาลนั้นมีมิติที่ซับซ้อน มีโลกคู่ขนานที่อาจจะอยู่ห่างจากโลกเราเพียงไม่กี่มิลลิเมตรเพียงแต่เราไม่สามารถรับ
รู้ได้ เพราะว่าเราชินในการรับรู้สิ่งที่สื่อกันด้วยความถี่คลื่นของแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น เสียง แสง คลื่นวิทยุต่างๆ ในโลก 4 มิติของเรา ซึ่งโลกที่มีมิติมากกว่าอาจจะสื่อกันด้วยสิ่งอื่น ดังนั้นการมาให้เห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจเป็นไปได้ว่ามนุษย์ต่างดาวในโลกที่มีมิติม
ากกว่า เช่น 6 มิติ อาจจะทำลายมิติลงเพื่อมาปรากฏให้เราเห็นก็ได้
ทั้งนี้ “หมอประสาน” เชื่อว่าสิ่งที่อยู่ในโลกที่มิติมากกว่าจะสามารถทำลายมิติเพื่อมาปรากฏในมิติที่ต่ำก
ว่าได้ พร้อมทั้งยกตัวอย่างว่าหนังสือ “โลกคู่ขนาน” (Parallel World) ของ ดร.มิชิโอะ กากุ (Dr. Michio Kaku) นักฟิสิกส์จากซิตียูนิเวอร์สซิตีออฟนิวยอร์ก (City University of New York) ได้อธิบายถึงการมีอยู่จริงของโลกคู่ขนานด้วยทฤษฎีที่มีข้อสมมติฐานทางคณิตศาสตร์ที่ส
มบูรณ์ อีกทั้งลักษณะของมนุษย์ต่างดาวที่ชาวบ้านบอกเล่าก็คล้ายๆ กับมนุษย์ต่างดาวที่เชื่อว่ามีอยู่จริงคือหัวโต สีเหลืองๆ เขียว เกือบเทา ขาลีบ ปากเล็ก ตาโตและสูงประมาณ 3 ฟุตซึ่งก็ใกล้เคียงกับคำบอกเล่า
ขณะเดียวกันนายนิพนธ์ ทรายเพชร ราชบัณฑิตสาขาดาราศาสตร์ให้ความเห็นว่าอย่าเพิ่งไปเชื่อว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว ควรดูให้ละเอียดก่อนเพราะอาจจะเป็นสิ่งที่ชาวบ้านทำขึ้นก็ได้ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ก็มีสามารถทำให้มีขึ้นได้ซึ่งก็ไม่ใช่ของแปลก อย่างภาพถ่ายที่อ้างว่าเป็นยูเอฟโอเมื่อพิสูจน์แล้วก็พบว่าเป็นภาพที่แต่งขึ้น อีกทั้งหากเป็นมนุษย์มนุษย์ต่างดาวจริงๆ ก็ควรจะเดินทางด้วยยานอวกาศ เพราะในทางฟิสิกส์แล้วไม่สามารถเดินทางโดยไม่มียานได้ และถ้าหากมาจริงโดยไม่มียานก็อาจจะเป็นวิญญาณซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
--------------------------------
เชียงราย - ชาว อ.แม่จัน ตื่นพบตัวประหลาดลอยขึ้นฟ้าริมทุ่งนา เชื่อเป็นมนุษย์ต่างดาว แห่ไปดูร่องรอยกันไม่ขาดสาย ด้านนายอำเภอยังงงๆ ระบุชาวบ้านยืนยันหลายคน แต่ชี้ชัดไม่ได้ว่าคืออะไร หลักฐานมีแต่ภาพสเก็ตช์ ส่วนตำรวจก็ยังไม่พบหลักฐานใดที่เชื่อว่ามีเหตุประหลาด
สืบเนื่องจากมีข่าวลือว่ามีชาวบ้านเห็นมนุษย์ต่างดาวนั้น ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านห้วยน้ำราก หมู่ 5 ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 9 กันยายน 48 ที่ผ่านมา พบว่าแต่ละวันมีชาวบ้านกว่า 100 คนมาจับกลุ่มชุมนุมกันที่ริมนาข้าวเพื่อเล่าถึงเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น
พื้นที่เกิดเหตุมีทุ่งนากว้างใหญ่ มีการปลูกข้าวต้นสีเขียวขจี จุดที่ชาวบ้านอ้างว่าพบเหตุประหลาดเป็นทุ่งนาของนายทิ คิดข้างบน อายุ 69 ปี ซึ่งชาวบ้านหลายคนได้เล่าว่า เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 48 เวลาราว 06.30 น. ได้เห็นตัวประหลาด รูปร่างคล้ายตุ๊กตาขนาดสูงราว 1 เมตร ลำตัวสีเหลืองอ่อน มีดวงตา และหูใหญ่ ขาเล็กลีบ ซึ่งตอนแรกชาวบ้านหลายคน คิดว่าเป็นหุ่นไล่กา
ต่อมาราว 10.00 น.วันเดียวกัน พบว่าตัวประหลาดดังกล่าวได้ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ คล้ายมีพลังทำให้ลอยขึ้นเองแล้วหายไป ทำให้ชาวบ้านที่พบเห็นต่างตื่นตระหนก แล้วจับกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจเป็นมนุษย์ต่างดาวเหมือนในภาพยนตร์ฮอลลีวูดก็เป
็นได้ แต่เนื่องจากชาวบ้านไม่มีกล้องบันทึกภาพไว้จึงไม่มีหลักฐานยืนยัน มีแต่ภาพสเก็ตช์ที่ชาวบ้านวาดให้ดู ลักษณะเป็นรูปร่างคล้ายตัวการ์ตูน บางคนบอกว่าคล้ายการ์ตูนผีน้อยแคสเปอร์
นายแสวง บุญราชศักดิ์ อายุ 51 ปี ชาวบ้าน ในพื้นที่เล่าว่า ตนไม่ได้เมาหรือเสพยาเสพติด และเห็นด้วยตาจริงๆว่า ในตอนเช้าวันนั้น มีตัวประหลาดคล้ายหุ่นไล่กา จึงไม่มีคนสนใจ กระทั่งมีนายคำมาเล่าว่า วัตถุนี้ลอยหายไปแล้ว จึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
นายคำมา ปินทรายมูล อายุ 56 ปี เล่าว่า ตอนแรกตนก็นึกว่าเป็นแค่หุ่น ที่นายทิ เจ้าของนาผูกไว้ไล่เป็ด แต่พอดูนานๆ เข้า พวกตนจึงมั่นใจว่าไม่ใช่ เพราะมันเคลื่อนย้ายไปมาได้ ตนจึงเฝ้าสังเกต จนกระทั่งเวลาประมาณ 10.30 น. หุ่นได้เปลี่ยนรูปร่างยืดตัวออกยาวขึ้น แล้วลอยขึ้นสูงกว่าเสาไฟฟ้า แล้วลอยขึ้นหายไปในท้องฟ้าเหมือนจรวดพุ่งไป
ส่วนนางบัวผัน ลาวิชัย เป็นผู้พบเห็นในตอนเช้าประมาณ 6.30 น. ของวันที่ 31 สิงหาคม 48 สังเกตเห็นเป็นลักษณะหัวกลมโตเหมือนหลอดไฟ ตาสีแดง ผิวเป็นสีเหลืองอ่อน ลอยอยู่เหนือต้นข้าว ในลักษณะ โงนเงนไปมาเหมือนกับคนไม่มีแรง
ด้านนายวิศิษฐ์ สิทธิสมบัติ นายอำเภอแม่จัน กล่าวภายหลังไปดูที่เกิดเหตุ แล้วว่า เรื่องนี้ไม่แน่ชัดว่าสิ่งที่ชาวบ้านเห็นเป็นอะไร แต่เนื่องจากมีการยืนยันหลายคน และน่าจะไม่ใช่การโกหก จึงได้หาทางตรวจสอบเพราะแต่ละวันมีประชาชนและสื่อมวลชนที่เริ่มทราบข่าวเข้ามาดู ซึ่งยังไม่ยืนยันว่าเป็นอะไร
ขณะที่พ.ต.อ.กิตติสินธุ์ คงทวีพันธ์ ผกก.สภ.อ.แม่จัน จ.เชียงราย กล่าวว่า ไม่มีหลักฐานว่า สิ่งที่ชาวบ้านพบเป็นอะไร หรือมนุษย์ต่างดาว ตามที่ชาวบ้านอ้าง เพราะไปดูแล้วไม่มีร่องรอยการเหยียบย่ำต้นข้าว หรือ มีหลักฐานหลงเหลือที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ส่งเจ้าหน้าที่ไปสังเกตการณ์ เพราะมีประชาชนไปดูพื้นที่บริเวณนี้จำนวนมาก
---------------------------------------
ดร.เทพนมออกย้ำอีกครั้งว่า “มนุษย์ต่างดาวมีจริง” ในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติครั้งที่ 9 ทำได้โดยติดต่อผ่านโทรจิตหรือการทำสมาธิ พร้อมกับเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้พบเจอกับมนุษย์ต่างดาว ไม่ว่าจะเป็นกับตัวเองและคนรอบข้าง
มหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ ครั้งที่ 9 ในหัวข้อ “วิทยาศาสตร์ทางจิตเพื่อสุขภาพ และการแพทย์ทางเลือก” ณ ดีทรอยต์ มอเตอร์เวิลด์ ได้เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่วานนี้ (3 ธ.ค.) โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการฝึกจิต เพื่อสุขภาพ คุณภาพชีวิตและคุณธรรม อีกทั้งเป็นการรวบรวม วิเคราะห์ วิจัยความรู้ ปรากฏการณ์ทางจิตให้ปรากฏชัดว่าเป็นวิทยาศาสตร์ทางจิต
ในวันแรกของการเปิดงาน ช่วงบ่าย ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ประธานอำนวยการฝ่ายสถาบันวิทยาศาสตร์ทางจิต ผู้ที่ศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับ “มนุษย์ต่างดาว” และ “ยูเอฟโอ” มากว่า 10 ปีได้ขึ้นบรรยายเรื่อง “โทรจิตติดต่อมนุษย์ต่างดาว” โดยเปิดเผยว่า มีการศึกษามนุษย์ต่างดาวกันอย่างกว้างขวางในต่างประเทศ โดยมีภาพถ่ายเป็นหลักฐานการพบเห็น ซึ่งการติดต่อมนุษย์ต่างดาวนั้น ต้องกระทำด้วยการทำสมาธิทางจิต ต้องทำจิตให้สงบแล้วจะสามารถเห็นได้
แจงลักษณะมนุษย์ต่างดาว พร้อมเผยประสบการณ์ส่วนตัว
”นึกถึงเขาให้มาปรากฏ แต่ทุกครั้งที่ทำต้องเตรียมกล้องไว้ข้างกายเสมอเพราะต้องมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืน
ยันเป็นข้อมูล เหมือนกับว่าหากเราเห็นแล้วคนอื่นก็ต้องเห็นด้วย” ดร.เทพนมเผย พร้อมทั้งแจกแจงว่า ในต่างประเทศได้แบ่งมนุษย์ต่างดาวไว้เป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ 1.หน้าตาเหมือนมนุษย์ 2. มีลักษณะคล้ายมนุษย์แต่มีผิวหนังเป็นสีเทา 3.มีลักษณะคล้ายสัตว์ 4. มีลักษณะคล้ายหุ่นยนต์ 5. รูปร่างประหลาด 6. มีลักษณะคล้ายผี
ทั้งนี้ ดร.เทพนม ยังเล่าถึงประสบการณ์การพบมนุษย์ต่างดาวที่เกี่ยวกับครอบครัวของเขาว่า ลูกชายตัวเองแต่งงานมา 9 ปี แต่ไม่มีลูก ดร.เทพนมจึงขอกับมนุษย์ต่างดาว ซึ่งในการข้อครั้งนั้นมีข้อแม้ว่าต้องพาลูกชายและลูกสะใภ้ไปบอสตัน และเมื่อไปถึง เย็นนั้นเองจานบินก็มาหาที่ริมทะเล ถัดจากนั้นอีก 2-3 อาทิตย์ต่อมาลูกสะใภ้ของ ดร.เทพนมก็ตั้งครรภ์
บรรยากาศในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ ครั้งที่ 9 มีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
”หลังจากคลอดแล้วหลานคนนี้ก็สามารถเข้าใจในสิ่งที่พูดทางจิตด้วยการส่งสัญญาณมือ และเมื่อหลานอายุได้ 3 เดือนก็นั่งสมาธิได้หลังจากได้บอกทางจิตให้ลองนั่ง ครั้งหนึ่งมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นระหว่างที่คุยกับหลานทางอินเทอร์เน็ต ก็มีมือที่มี 3 นิ้วโผล่ขึ้นมาด้านหลังโบกไปมา ต่อมาจึงปรากฏหน้าให้เห็นมีลักษณะคล้ายหญิงชราเอามือตบหัวหลานเหมือนกับว่าคอยดูแลคุ
้มครอง” ดร.เทพนมเล่า ประสบการณ์ตรงจากการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว
โทรจิตติดต่อมนุษย์ต่างโลก จากดาว "เวก้า"
อีกทั้ง เขายังเล่าถึงประสบการณ์จากผู้อื่นว่า มีการติดต่อมนุษย์ต่างดาวทางสมาธิเมื่อปี 2546 โดยเป็นผู้หญิงเจ้าของบริษัทไฟฟ้ามาเล่าให้ฟังว่ามีประสบการณ์ประหลาด ตอนกลางคืนมีผู้ชายหน้าตาดี แต่งกายเหมือนท่านเคาท์แดรกคิวลามาหา ซึ่งผู้ชายคนนั้นบอกว่าตามหาหญิงเจ้าของบริษัทผู้นี้มานาน เนื่องจากเป็นภรรยาที่เสียชีวิตไปและต้องการให้กลับไปอยู่กินด้วยกันเหมือนเดิม
”ผมจึงติดต่อด้วยสมาธิ และมนุษย์ต่างดาวผู้นี้บอกว่าชื่อ “บีอี” มาจากดาวชื่อเหมือนมิสยูนิเวิร์สปี 46 ที่ชื่อ“เวก้า” และจะมาปรากฏให้เห็นในตอนเย็นเป็นยานทรงกระบอกสีแดงในวันที่ 25 ธ.ค. อีกทั้งยังฝากบอกไปถึงภรรยาเก่าด้วยว่าหากมีปัญหาเดือดร้อนให้นึกถึงเขาจะมาหาทันที และปีที่แล้วในขณะที่ธุรกิจเกี่ยวกับไฟฟ้าของหญิงผู้นี้ประสบปัญหาจะล้มละลาย บ้านจะโดนยึดและมีปัญหาเรื่องลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ หญิงผู้นี้ก็นึกถึงมนุษย์ต่างดาวบีอีขอให้ช่วย หลังจากนั้นไม่กี่วันเงินที่ถูกเพื่อนโกงก็ได้คืน กองบังคับคดีที่มีหน้าที่ยึดบ้านก็ไม่ยึด บุตรก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้” ดร.เทพนมเล่า
5,000 ปีที่แล้วมนุษย์ต่างดาวเคยเยือนไทย
”เมื่อคราวที่ต้องผ่าตัดหลังที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธปีที่แล้ว มนุษย์ต่างดาวบอกให้เอากล้องถ่ายที่หน้าต่างจานบินก็มา อีกทั้งมนุษย์ต่างดาวก็บอกว่าไม่ต้องกลัว