[You must be registered and logged in to see this link.]
เรือเดินทะเลที่หายสาบสูญไปในสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านั้น ส่วนมากจะเกิดขึ้นในบริเวณที่เรียกว่า "ทะเลซากัสโซ"
และสาเหตุที่ท้องมหาสมุทรแห่งนี้มีนามว่าทะเลซากัสโซ
ก็เพราะอาณาเขตบริเวณแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วย
สาหร่ายทะเลชนิดหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า สาหร่ายซากัสซั่ม
โดยสาหร่ายชนิดนี้เป็นอุปสรรคต่อการเดินเรืออย่างยิ่ง
และเหตุการณ์ประหลาดลึกลับทางทะเลต่างๆที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่โบราณกาล
มักจะมีต้นตอมาจากทะเลซากัสโซเสียเป็นส่วนมาก
ชาวฟีนีเชียนโบราณที่เคยใช้เรือเดินทางผ่านท้องทะเลมหาภัยแห่งนี้มา
ตั้งแต่หลายพันปีก่อน ได้บันทึกปรากฏการณ์ประหลาดต่างๆไว้เป็นจำนวนมาก
"เหนือท้องทะเลแห่งนี้มีแต่
ความอ้างว้างเงียบเหงา คล้ายกับสุสานใหญ่ที่มองจรดขอบฟ้าไปทุกด้าน
ไม่มีแรงลมพอที่จะพัดพาเรือให้แล่นไปได้
ใต้พื้นน้ำเต็มไปด้วยสาหร่ายทะเลอย่างหนาทึบ
ซึ่งยึดเรือทั้งหลายให้หยุดนิ่งอย่างกับกำลังมหาศาลของหนวดปลาหมึกยักษ์
ท้องทะเลบางแห่งก็ตื้นเขินซึ่งเป็นที่อาศัยของสัตว์ประหลาดมหึมาหลายสิบชนิด
และบางครั้งมันก็ว่ายน้ำเข้ามาทำลายเรือทั้งลำให้กลายเป็นผุยผงไปในพริบตา"
(ใครได้อ่านการ์ตูนคำสาปฟาโรห์คงจะพารู้กันดีเกี่ยวกับสัตว์ประหลาด
"มิโนทาลอส" กันบ้างน๊า)
ความลี้ลับของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
สาม
เหลี่ยมเบอร์มิวด้าเป็นอาณาบริเวณส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติคภาคตะวันตก
พื้นที่ทั้งหมดเริ่มจากตอนเหนือของเบอร์มิวด้าไปถึงตอนใต้ของรัฐฟลอริดา
และจากฟลอริดามุ่งตรงไปทางตะวันออกทำมุมสี่สิบองศากับเส้นรุ้ง
ผ่านบาฮามัสและเปอร์โตริโก
จากนั้นก็ย้อนเฉียงกลับไปสู่ทางใต้ตอนเหนือของเบอร์มิวด้าอีกซึ่งทำให้อาณา
บริเวณแห่งนี้กลายเป็นรูปสามเหลี่ยม
และอาณาบริเวณรูปสามเหลี่ยมแห่งนี้เองที่เป็นแหล่งกำเนิด
ปรากฏการณ์อันลี้ลับ มหัศจรรย์ขึ้นในยุคอวกาศของชาวเรา
ในปัจจุบันเป็นสิ่งลึกลับและเหลือเชื่อหากจะบอกว่าเริ่มตั้งแต่หลังสงคราม
โลกครั้งที่สอง ในปี ค.ศ. 1945 มาจนถึงปัจจุบัน เครื่องบินจำนวนกว่า 100
เครื่อง และเรือเดินสมุทรจำนวนอีกมากหลายได้หายไปในบรรยากาศ
และพื้นทะเลของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแห่งนี้โดยไม่มีร่องรอย
ชีวิตมนุษย์จำนวนพัน ในระยะเวลากว่า 20
ปีที่ผ่านมาได้หายไปพร้อมกับพาหนะโดยไม่มีซากศพ แม้แต่รายเดียว
หรือเศษชิ้นส่วนใดๆของเรือหรือเครื่องบินที่หายไปเหลือให้เห็น
การหายสาบสูญของเรือ เครื่องบิน และชีวิตมนุษย์ในบริเวณดินแดนสามเหลี่ยม
เบอร์มิวด้ายังคงปรากฏอยู่ต่อไป และมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทั้งๆ
ที่ชาติต่างๆซึ่งเกี่ยวข้องกับการสูญเสียเหล่านี้
ต่างก็พยายามดำเนินการค้นคว้าก็หาสาเหตุแห่งปรากฏการณ์อันประหลาดและลึกลับ
นี้อย่างเร่งด่วน
แต่ก็ไม่มีใครสามารถบอกสาเหตุและหาทางป้องกันจากภัยที่เกิดขึ้นในบริเวณท้อง
ทะเลแห่งนี้ได้
เครื่องบินที่หายไปเหนือพื้นทะเลแห่งนี้
ส่วนมากก่อนที่จะหายการติดต่อกับฐานปฏิบัติการณ์
หรือสถานีปลายทางเป็นไปอย่างปกติและสภาพของบรรยากาศและทัศนะวิสัยก็สงบ
และแจ่มใสดี ไม่มีวี่แววของพายุร้ายใดๆแต่แล้ว
เมื่อถึงบทจะหายเครื่องบินเหล่านั้นก็จะหายไปอย่างฉับพลันโดยไม่มีร่องรอย
ซึ่งนักบินก็ไม่มีโอกาสที่จะแจ้งข่าวทางวิทยุให้หน่วยควบคุม
การบินทราบได้แต่ก็มีเป็นจำนวนมากเหมือนกัน ก่อนที่เครื่องบินจะหายสาบสูญ
นักบินมีเวลาพอที่จะแจ้งข่าวผิดปกติมายังฐานปฏิบัติการได้
ซึ่งทุกรายต่างก็แจ้งตรงกันทั้งหมดว่า
ไม่สามารถควบคุมกลไกต่างๆให้ดำเนินไปตามปกติได้
เข็มทิศประจำเครื่องจะหมุนปั่นไม่สามารถบอกทิศทางได้
ท้องฟ้าจะกลายเป็นสีเหลืองและมองดูคล้ายหมอกหนาทึบ
ทั้งๆที่เป็นวันที่บรรยากาศแจ่มใสและแดดส่องจ้ามาก่อน
และท้องทะเลซึ่งเงียบสงบ กลับปั่นป่วนขึ้นมาโดยไม่อาจจะทราบสาเหตุได้
เหตุการณ์
ลึกลับที่ไม่อาจให้คำอธิบายได้ เกี่ยวกับการสาบสูญของเรือเดินสมุทร
และเครื่องบินเป็นจำนวนมาก
ในดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าก็ยังคงเกิดขึ้นเรื่อยๆไม่ได้ขาด
จนกระทั่งในปัจจุบันทุกครั้งที่ได้รับรายงานการสูญหาย
หน่วยยามฝั่งที่เจ็ดของกองทัพเรือสหรัฐฯ
จะทำการค้นหาร่องรอยอย่างละเอียดละออ
แต่ก็ประสบความล้มเหลวที่จะพบพยานหลักฐานซึ่งจะนำไปสู่การไขปัญหาลึกลับนี้
ได้ทุกครั้ง
และในที่สุดกองทัพเรือสหรัฐก็ได้เก็บเรื่องเหล่านี้ไว้เป็นความลับ
ไม่ยอมเปิดเผยหรือให้คำวิจารณ์ใดๆแก่ประชาชนที่อยากรู้อยากเห็นว่าเหตุการณ์
ลึกลับเหล่านั้น
เกี่ยวข้องกับความอาถรรพ์ของดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าหรือไม่
แต่ทั้งๆที่กองทัพเรือสหรัฐพยายามจะปกปิดเรื่องราวเหล่านี้ไว้
ประชาชนทั่วไปก็เริ่มรู้ระแคะระคาย และเชื่อว่าจะต้องมีแรงอาถรรพ์
หรือพลังอำนาจอันลึกลับ อย่างหนึ่งอย่างใด
ภายในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าอย่างแน่นอน
และยิ่งปรากฏว่าเมื่อเร็วๆนี้ได้มีข่าวรายงานว่ามีนักบิน
และนักเดินเรือบางคนได้รอดชีวิตมาจากปรากฏการณ์สยองขวัญ
ในดินแดนของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า จึงทำให้ เกิดการฮือฮากันใหญ่ในขณะนี้
แต่อย่างไรก็ดีจวบจนกระทั่งบัดนี้หาได้มีผู้ใดที่สามารถให้คำอธิบายแจ่มชัด
เกี่ยวแก่ความลึกลับและความอาถรรพ์ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าได้
และการสาบสูญก็ยังคงปรากฏอยู่ต่อไป โดยไม่มีทางป้องกันหรือขัดขวางได้
วิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยหลักการณ์
ใน
บางกรณี
หากวิเคราะห์ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการหาบสาบสูญของเรือเดินสมุทรและเครื่องบิน
ในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
จะพบว่าไม่ได้เป็นเรื่องประหลาดลึกลับแต่อย่างใดเพราะเครื่องบินแต่ละลำ
เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับความกว้างใหญ่สุดคณานับของพื้นมหาสมุทรโลกแล้ว
ก็เปรียบเสมือนฝุ่นละอองที่ล่องลอยอยู่ในห้องโถงใหญ่
น้ำในมหาสมุทรก็ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่แต่มีการเคลื่อนไหว
กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมมีอัตราความเร็วกว่าสี่ไมล์ต่อชั่วโมง
ในท้องทะเลนอกฝั่งบาฮามัสมีสิ่งแปลกประหลาดอยู่สิ่งหนึ่งที่นักประดาน้ำ มักจะพบเห็นอยู่บ่อยๆซึ่งพวกเขาเรียกว่า "ปล่องน้ำเงิน"
จะปรากฏอยู่ตามหุบผาใต้น้ำและแหล่งหินประการัง
มีลักษณะเป็นอุโมงค์หรือปล่องใต้ทะเล
โดยทั่วไปเป็นที่อยู่ของปลาที่ไม่ค่อยได้พบกันที่ผิวน้ำ
ปล่องเหล่านี้เชื่อว่าเกิดจากถ้ำหินประการังถูกกัดกร่อนด้วยกระแสน้ำใต้ทะเล
มาเป็นเวลานับหมื่นปี เคยมีนักประดาน้ำดำลงไปสำรวจปล่องต่างๆนี้
พบว่าปล่องจำนวนมากต่างมีทางแยกออกไปในหลายทิศทาง
ทำให้ปลาที่ว่ายวนอยู่ในนั้นเกิดสับสนถึงกับว่ายเอาครีบท้องขึ้นสู่เบื้องบน
ยิ่งกว่านั้นยังพบว่ากระแสน้ำไหลเชี่ยวแรงเข้าสู่ส่วนลึกคล้ายถูกดูดด้วย
กำลังอันมหาศาลซึ่งเป็นอันตรายต่อนักประดาน้ำมาก
และลักษณะการณ์เช่นนี้ทำให้น้ำบริเวณปากปล่องไหลวนเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว
ก่อให้เกิดการหมุนเป็นกรวยเหนือพื้นน้ำในลักษณะของวังน้ำวน
ซึ่งสามารถจะดึงดูดเรือเล็กพร้อมด้วยคนบนเรือลงสู่ก้นอย่างรวดเร็ว
อีก
ทฤษฏีหนึ่ง เป็นทฤษฏีเกี่ยวกับลมพายุทอร์นาโดซึ่งเกิดเป็นครั้งคราว
จะกวาดเรือและเครื่องบินให้จมลงสู่ก้นมหาสมุทรได้ไม่ยาก
พายุทอร์นาโดเป็นพายุหมุนปั่นเอาน้ำทะเลหมุนเป็นเกลียวสูงนับร้อยๆฟุตกลาง
อากาศและหากมันเกิดตอนกลางคืน
เครื่องบินที่บินอยู่ระดับต่ำอาจถูกกระแทกตกลงสู่ทะเลได้
ก็เพราะนักบินไม่สามารถจะมองเห็นได้ในระยะไกล
ส่วนเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่จมหายนั้นเชื่อว่าอาจจะเกิดจากกระแสคลื่นมหึมา
ที่เป็นผลมาจากแผ่นดินไหวใต้ทะเลก็ได้
เพราะคลื่นที่เกิดจากปรากฏการณ์เช่นนี้จะมีความสูงร่วมร้อยฟุตเลยที่เดียว
ปรากฏการณ์
อีกอย่างหนึ่งที่แอนเคยนำมาให้อ่านแล้วคือ "แค๊ท"
ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อเครื่องบินได้ คือการผันแปรของอากาศอย่างทันทีทันใด
ที่เรียกกันว่า "แค๊ท (Cat - clear air turbulenec)" โดยทั่วไปแล้ว "แค๊ท"
จะเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่อาจจะคาดคะเน
หรือทำการพยากรณ์ได้เช่นเดียวกับลักษณะภูมิอากาศ
โดยทั่วไปมันจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลาและทุกสภาวะอากาศ
สาเหตุของปรากฏการณ์นี้ยังไม่ทราบกันแน่ชัดแต่เชื่อกันว่าหากมันเกิดขึ้นขณะ
ที่กระแสลมพัดแรงและรวดเร็ว
จะทำให้เกิดสูญญากาศบริเวณนั้นทันทีซึ่งหากเครื่องบินได้บินเข้าสู่บริเวณ
ของมันก็อาจจะตกดิ่งสู่ทะเลได้ง่าย
แต่อย่างไรก็ดีการผันแปร***ของบรรยากาศทันทีทันใดในลักษณะเช่นนี้นั้น
จะต้องไม่ใช่สาเหตุการหายสาบสูญของเครื่องบินทุกลำในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์
มิวด้าเป็นแน่ เพราะปรากฏการณ์ "แค๊ท"
จะไม่เป็นผลต่อการทำงานของเครื่องวัดต่างๆ
และระบบการติดต่อทางวิทยุบนเครื่องบิน
แต่ทุกครั้งที่เกิดเหตุจะปรากฏว่าการติดต่อทางวิทยุได้เงียบหายไป
การ
แปรผันของสนามแม่เหล็กโลก
ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตกได้เช่นเดียวกัน
เพราะมันจะทำให้เกิดการผิดพลาดในการทำงานของเครื่องวัดระดับ
และเข็มทิศประจำเครื่อง
ในกรณีเช่นนี้นักบินไม่มีความสามารถพอก็อาจจะนำเครื่องบินดิ่งลงสู่มหาสมุทร
ได้
ยิ่งกว่านั้นปรากฏการณ์ต่างๆทางธรรมชาติอีกมากมายที่เราไม่อาจจะอธิบายหรือ
ทราบสาเหตุของมันได้
เรือเดินทะเลที่หายสาบสูญไปในสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านั้น ส่วนมากจะเกิดขึ้นในบริเวณที่เรียกว่า "ทะเลซากัสโซ"
และสาเหตุที่ท้องมหาสมุทรแห่งนี้มีนามว่าทะเลซากัสโซ
ก็เพราะอาณาเขตบริเวณแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วย
สาหร่ายทะเลชนิดหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า สาหร่ายซากัสซั่ม
โดยสาหร่ายชนิดนี้เป็นอุปสรรคต่อการเดินเรืออย่างยิ่ง
และเหตุการณ์ประหลาดลึกลับทางทะเลต่างๆที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่โบราณกาล
มักจะมีต้นตอมาจากทะเลซากัสโซเสียเป็นส่วนมาก
ชาวฟีนีเชียนโบราณที่เคยใช้เรือเดินทางผ่านท้องทะเลมหาภัยแห่งนี้มา
ตั้งแต่หลายพันปีก่อน ได้บันทึกปรากฏการณ์ประหลาดต่างๆไว้เป็นจำนวนมาก
"เหนือท้องทะเลแห่งนี้มีแต่
ความอ้างว้างเงียบเหงา คล้ายกับสุสานใหญ่ที่มองจรดขอบฟ้าไปทุกด้าน
ไม่มีแรงลมพอที่จะพัดพาเรือให้แล่นไปได้
ใต้พื้นน้ำเต็มไปด้วยสาหร่ายทะเลอย่างหนาทึบ
ซึ่งยึดเรือทั้งหลายให้หยุดนิ่งอย่างกับกำลังมหาศาลของหนวดปลาหมึกยักษ์
ท้องทะเลบางแห่งก็ตื้นเขินซึ่งเป็นที่อาศัยของสัตว์ประหลาดมหึมาหลายสิบชนิด
และบางครั้งมันก็ว่ายน้ำเข้ามาทำลายเรือทั้งลำให้กลายเป็นผุยผงไปในพริบตา"
(ใครได้อ่านการ์ตูนคำสาปฟาโรห์คงจะพารู้กันดีเกี่ยวกับสัตว์ประหลาด
"มิโนทาลอส" กันบ้างน๊า)
ความลี้ลับของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
สาม
เหลี่ยมเบอร์มิวด้าเป็นอาณาบริเวณส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติคภาคตะวันตก
พื้นที่ทั้งหมดเริ่มจากตอนเหนือของเบอร์มิวด้าไปถึงตอนใต้ของรัฐฟลอริดา
และจากฟลอริดามุ่งตรงไปทางตะวันออกทำมุมสี่สิบองศากับเส้นรุ้ง
ผ่านบาฮามัสและเปอร์โตริโก
จากนั้นก็ย้อนเฉียงกลับไปสู่ทางใต้ตอนเหนือของเบอร์มิวด้าอีกซึ่งทำให้อาณา
บริเวณแห่งนี้กลายเป็นรูปสามเหลี่ยม
และอาณาบริเวณรูปสามเหลี่ยมแห่งนี้เองที่เป็นแหล่งกำเนิด
ปรากฏการณ์อันลี้ลับ มหัศจรรย์ขึ้นในยุคอวกาศของชาวเรา
ในปัจจุบันเป็นสิ่งลึกลับและเหลือเชื่อหากจะบอกว่าเริ่มตั้งแต่หลังสงคราม
โลกครั้งที่สอง ในปี ค.ศ. 1945 มาจนถึงปัจจุบัน เครื่องบินจำนวนกว่า 100
เครื่อง และเรือเดินสมุทรจำนวนอีกมากหลายได้หายไปในบรรยากาศ
และพื้นทะเลของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแห่งนี้โดยไม่มีร่องรอย
ชีวิตมนุษย์จำนวนพัน ในระยะเวลากว่า 20
ปีที่ผ่านมาได้หายไปพร้อมกับพาหนะโดยไม่มีซากศพ แม้แต่รายเดียว
หรือเศษชิ้นส่วนใดๆของเรือหรือเครื่องบินที่หายไปเหลือให้เห็น
การหายสาบสูญของเรือ เครื่องบิน และชีวิตมนุษย์ในบริเวณดินแดนสามเหลี่ยม
เบอร์มิวด้ายังคงปรากฏอยู่ต่อไป และมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทั้งๆ
ที่ชาติต่างๆซึ่งเกี่ยวข้องกับการสูญเสียเหล่านี้
ต่างก็พยายามดำเนินการค้นคว้าก็หาสาเหตุแห่งปรากฏการณ์อันประหลาดและลึกลับ
นี้อย่างเร่งด่วน
แต่ก็ไม่มีใครสามารถบอกสาเหตุและหาทางป้องกันจากภัยที่เกิดขึ้นในบริเวณท้อง
ทะเลแห่งนี้ได้
เครื่องบินที่หายไปเหนือพื้นทะเลแห่งนี้
ส่วนมากก่อนที่จะหายการติดต่อกับฐานปฏิบัติการณ์
หรือสถานีปลายทางเป็นไปอย่างปกติและสภาพของบรรยากาศและทัศนะวิสัยก็สงบ
และแจ่มใสดี ไม่มีวี่แววของพายุร้ายใดๆแต่แล้ว
เมื่อถึงบทจะหายเครื่องบินเหล่านั้นก็จะหายไปอย่างฉับพลันโดยไม่มีร่องรอย
ซึ่งนักบินก็ไม่มีโอกาสที่จะแจ้งข่าวทางวิทยุให้หน่วยควบคุม
การบินทราบได้แต่ก็มีเป็นจำนวนมากเหมือนกัน ก่อนที่เครื่องบินจะหายสาบสูญ
นักบินมีเวลาพอที่จะแจ้งข่าวผิดปกติมายังฐานปฏิบัติการได้
ซึ่งทุกรายต่างก็แจ้งตรงกันทั้งหมดว่า
ไม่สามารถควบคุมกลไกต่างๆให้ดำเนินไปตามปกติได้
เข็มทิศประจำเครื่องจะหมุนปั่นไม่สามารถบอกทิศทางได้
ท้องฟ้าจะกลายเป็นสีเหลืองและมองดูคล้ายหมอกหนาทึบ
ทั้งๆที่เป็นวันที่บรรยากาศแจ่มใสและแดดส่องจ้ามาก่อน
และท้องทะเลซึ่งเงียบสงบ กลับปั่นป่วนขึ้นมาโดยไม่อาจจะทราบสาเหตุได้
เหตุการณ์
ลึกลับที่ไม่อาจให้คำอธิบายได้ เกี่ยวกับการสาบสูญของเรือเดินสมุทร
และเครื่องบินเป็นจำนวนมาก
ในดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าก็ยังคงเกิดขึ้นเรื่อยๆไม่ได้ขาด
จนกระทั่งในปัจจุบันทุกครั้งที่ได้รับรายงานการสูญหาย
หน่วยยามฝั่งที่เจ็ดของกองทัพเรือสหรัฐฯ
จะทำการค้นหาร่องรอยอย่างละเอียดละออ
แต่ก็ประสบความล้มเหลวที่จะพบพยานหลักฐานซึ่งจะนำไปสู่การไขปัญหาลึกลับนี้
ได้ทุกครั้ง
และในที่สุดกองทัพเรือสหรัฐก็ได้เก็บเรื่องเหล่านี้ไว้เป็นความลับ
ไม่ยอมเปิดเผยหรือให้คำวิจารณ์ใดๆแก่ประชาชนที่อยากรู้อยากเห็นว่าเหตุการณ์
ลึกลับเหล่านั้น
เกี่ยวข้องกับความอาถรรพ์ของดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าหรือไม่
แต่ทั้งๆที่กองทัพเรือสหรัฐพยายามจะปกปิดเรื่องราวเหล่านี้ไว้
ประชาชนทั่วไปก็เริ่มรู้ระแคะระคาย และเชื่อว่าจะต้องมีแรงอาถรรพ์
หรือพลังอำนาจอันลึกลับ อย่างหนึ่งอย่างใด
ภายในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าอย่างแน่นอน
และยิ่งปรากฏว่าเมื่อเร็วๆนี้ได้มีข่าวรายงานว่ามีนักบิน
และนักเดินเรือบางคนได้รอดชีวิตมาจากปรากฏการณ์สยองขวัญ
ในดินแดนของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า จึงทำให้ เกิดการฮือฮากันใหญ่ในขณะนี้
แต่อย่างไรก็ดีจวบจนกระทั่งบัดนี้หาได้มีผู้ใดที่สามารถให้คำอธิบายแจ่มชัด
เกี่ยวแก่ความลึกลับและความอาถรรพ์ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าได้
และการสาบสูญก็ยังคงปรากฏอยู่ต่อไป โดยไม่มีทางป้องกันหรือขัดขวางได้
วิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยหลักการณ์
ใน
บางกรณี
หากวิเคราะห์ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการหาบสาบสูญของเรือเดินสมุทรและเครื่องบิน
ในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
จะพบว่าไม่ได้เป็นเรื่องประหลาดลึกลับแต่อย่างใดเพราะเครื่องบินแต่ละลำ
เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับความกว้างใหญ่สุดคณานับของพื้นมหาสมุทรโลกแล้ว
ก็เปรียบเสมือนฝุ่นละอองที่ล่องลอยอยู่ในห้องโถงใหญ่
น้ำในมหาสมุทรก็ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่แต่มีการเคลื่อนไหว
กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมมีอัตราความเร็วกว่าสี่ไมล์ต่อชั่วโมง
ในท้องทะเลนอกฝั่งบาฮามัสมีสิ่งแปลกประหลาดอยู่สิ่งหนึ่งที่นักประดาน้ำ มักจะพบเห็นอยู่บ่อยๆซึ่งพวกเขาเรียกว่า "ปล่องน้ำเงิน"
จะปรากฏอยู่ตามหุบผาใต้น้ำและแหล่งหินประการัง
มีลักษณะเป็นอุโมงค์หรือปล่องใต้ทะเล
โดยทั่วไปเป็นที่อยู่ของปลาที่ไม่ค่อยได้พบกันที่ผิวน้ำ
ปล่องเหล่านี้เชื่อว่าเกิดจากถ้ำหินประการังถูกกัดกร่อนด้วยกระแสน้ำใต้ทะเล
มาเป็นเวลานับหมื่นปี เคยมีนักประดาน้ำดำลงไปสำรวจปล่องต่างๆนี้
พบว่าปล่องจำนวนมากต่างมีทางแยกออกไปในหลายทิศทาง
ทำให้ปลาที่ว่ายวนอยู่ในนั้นเกิดสับสนถึงกับว่ายเอาครีบท้องขึ้นสู่เบื้องบน
ยิ่งกว่านั้นยังพบว่ากระแสน้ำไหลเชี่ยวแรงเข้าสู่ส่วนลึกคล้ายถูกดูดด้วย
กำลังอันมหาศาลซึ่งเป็นอันตรายต่อนักประดาน้ำมาก
และลักษณะการณ์เช่นนี้ทำให้น้ำบริเวณปากปล่องไหลวนเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว
ก่อให้เกิดการหมุนเป็นกรวยเหนือพื้นน้ำในลักษณะของวังน้ำวน
ซึ่งสามารถจะดึงดูดเรือเล็กพร้อมด้วยคนบนเรือลงสู่ก้นอย่างรวดเร็ว
อีก
ทฤษฏีหนึ่ง เป็นทฤษฏีเกี่ยวกับลมพายุทอร์นาโดซึ่งเกิดเป็นครั้งคราว
จะกวาดเรือและเครื่องบินให้จมลงสู่ก้นมหาสมุทรได้ไม่ยาก
พายุทอร์นาโดเป็นพายุหมุนปั่นเอาน้ำทะเลหมุนเป็นเกลียวสูงนับร้อยๆฟุตกลาง
อากาศและหากมันเกิดตอนกลางคืน
เครื่องบินที่บินอยู่ระดับต่ำอาจถูกกระแทกตกลงสู่ทะเลได้
ก็เพราะนักบินไม่สามารถจะมองเห็นได้ในระยะไกล
ส่วนเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่จมหายนั้นเชื่อว่าอาจจะเกิดจากกระแสคลื่นมหึมา
ที่เป็นผลมาจากแผ่นดินไหวใต้ทะเลก็ได้
เพราะคลื่นที่เกิดจากปรากฏการณ์เช่นนี้จะมีความสูงร่วมร้อยฟุตเลยที่เดียว
ปรากฏการณ์
อีกอย่างหนึ่งที่แอนเคยนำมาให้อ่านแล้วคือ "แค๊ท"
ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อเครื่องบินได้ คือการผันแปรของอากาศอย่างทันทีทันใด
ที่เรียกกันว่า "แค๊ท (Cat - clear air turbulenec)" โดยทั่วไปแล้ว "แค๊ท"
จะเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่อาจจะคาดคะเน
หรือทำการพยากรณ์ได้เช่นเดียวกับลักษณะภูมิอากาศ
โดยทั่วไปมันจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลาและทุกสภาวะอากาศ
สาเหตุของปรากฏการณ์นี้ยังไม่ทราบกันแน่ชัดแต่เชื่อกันว่าหากมันเกิดขึ้นขณะ
ที่กระแสลมพัดแรงและรวดเร็ว
จะทำให้เกิดสูญญากาศบริเวณนั้นทันทีซึ่งหากเครื่องบินได้บินเข้าสู่บริเวณ
ของมันก็อาจจะตกดิ่งสู่ทะเลได้ง่าย
แต่อย่างไรก็ดีการผันแปร***ของบรรยากาศทันทีทันใดในลักษณะเช่นนี้นั้น
จะต้องไม่ใช่สาเหตุการหายสาบสูญของเครื่องบินทุกลำในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์
มิวด้าเป็นแน่ เพราะปรากฏการณ์ "แค๊ท"
จะไม่เป็นผลต่อการทำงานของเครื่องวัดต่างๆ
และระบบการติดต่อทางวิทยุบนเครื่องบิน
แต่ทุกครั้งที่เกิดเหตุจะปรากฏว่าการติดต่อทางวิทยุได้เงียบหายไป
การ
แปรผันของสนามแม่เหล็กโลก
ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตกได้เช่นเดียวกัน
เพราะมันจะทำให้เกิดการผิดพลาดในการทำงานของเครื่องวัดระดับ
และเข็มทิศประจำเครื่อง
ในกรณีเช่นนี้นักบินไม่มีความสามารถพอก็อาจจะนำเครื่องบินดิ่งลงสู่มหาสมุทร
ได้
ยิ่งกว่านั้นปรากฏการณ์ต่างๆทางธรรมชาติอีกมากมายที่เราไม่อาจจะอธิบายหรือ
ทราบสาเหตุของมันได้