[You must be registered and logged in to see this link.]
ชาวฮิบรูโบราณ จินตนาการเห็นกาแล็กซี่ทางช้างเผือกเป็นแม่น้ำแห่งแสงสว่าง (The River of Light) ขณะที่ชาวอินเดียโบราณ เห็นเป็นแสงสะท้อน จากแม่น้ำคงคา (The Ganges River) ส่วนชาวกรีก เชื่อว่า เกิดจากพระเจ้า Zeus ให้ Hera เป็นผู้เลี้ยงดู Heracles (หรือเฮอร์คิวลิส - Hercules) ในวัยทารก แต่ทารก Heracles ดูดน้ำนมแรง ทำให้ Hera เจ็บ จนต้องดึงตัวทารกออก ทำให้น้ำนมบางส่วนหกลงบนพี้นโลก กลายเป็นดอกลิลลี่ (Lilies) และส่วนหนึ่งหกบนท้องฟ้า กลายเป็น"ทางน้ำนม" (The Milky Way) หรือคนไทยเรียกว่า "กาแล็กซี่ทางช้างเผือก" นั่นเอง
กาแล็กซี่ทางช้างเผือก เป็นกาแล็กซีแบบมีแขน (Spiral Galaxy) ประเภท Sb หรือ Sc ซึ่งเชื่อว่า คล้ายกาแล็กซี่ M83 ทั้งขนาดและรูปร่าง โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราว 100,000 ปีแสง หนาประมาณ 2,000 ปีแสง โดยที่ดวงอาทิตย์ของเรา อยู่ที่แขนของกาแล็กซี ห่างจากศูนย์กลางราว 30,000 ปีแสง ซึ่งดวงอาทิตย์ของเรา ก็เป็นหนึ่งในดาวฤกษ์นับแสนล้านดวงเหล่านั้น
ป.ล.เห็นดวงอาทิตย์ไหม เล็กเนอะ -w-"
ชาวฮิบรูโบราณ จินตนาการเห็นกาแล็กซี่ทางช้างเผือกเป็นแม่น้ำแห่งแสงสว่าง (The River of Light) ขณะที่ชาวอินเดียโบราณ เห็นเป็นแสงสะท้อน จากแม่น้ำคงคา (The Ganges River) ส่วนชาวกรีก เชื่อว่า เกิดจากพระเจ้า Zeus ให้ Hera เป็นผู้เลี้ยงดู Heracles (หรือเฮอร์คิวลิส - Hercules) ในวัยทารก แต่ทารก Heracles ดูดน้ำนมแรง ทำให้ Hera เจ็บ จนต้องดึงตัวทารกออก ทำให้น้ำนมบางส่วนหกลงบนพี้นโลก กลายเป็นดอกลิลลี่ (Lilies) และส่วนหนึ่งหกบนท้องฟ้า กลายเป็น"ทางน้ำนม" (The Milky Way) หรือคนไทยเรียกว่า "กาแล็กซี่ทางช้างเผือก" นั่นเอง
กาแล็กซี่ทางช้างเผือก เป็นกาแล็กซีแบบมีแขน (Spiral Galaxy) ประเภท Sb หรือ Sc ซึ่งเชื่อว่า คล้ายกาแล็กซี่ M83 ทั้งขนาดและรูปร่าง โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราว 100,000 ปีแสง หนาประมาณ 2,000 ปีแสง โดยที่ดวงอาทิตย์ของเรา อยู่ที่แขนของกาแล็กซี ห่างจากศูนย์กลางราว 30,000 ปีแสง ซึ่งดวงอาทิตย์ของเรา ก็เป็นหนึ่งในดาวฤกษ์นับแสนล้านดวงเหล่านั้น
ป.ล.เห็นดวงอาทิตย์ไหม เล็กเนอะ -w-"